สารคดีโดย Wild Bird Film อดีตนักเรียน migrant school สมาชิกโครงการเกี่ยวก้อย เพื่อนไร้พรมแดน
นับแต่ 26 มี.ค. 63 ที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ชีวิตของเด็ก ๆ ในศูนย์การเรียนของผู้ย้ายถิ่นข้ามชาติ หรือ ‘migrant school’ จำนวน 45 แห่งในอ.แม่สอด จ.ตากก็ไม่เคยกลับคืนสู่ภาวะปกติ แม้โรงเรียนไทยและ ‘migrant school’ ทั่วประเทศจะเปิดให้เด็ก ๆ ได้ไปเรียน เล่น และทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยอาจประกาศหยุดเป็นระยะตามสถานการณ์ migrant school ที่แม่สอดก็ไม่เคยได้รับอนุญาตให้เปิดตลอดกว่า 10 เดือนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
1 ก.ค. 63 เมื่อโรงเรียนไทยเปิดเทอมหลังจากล่าช้ามากว่าเดือน migrant school ที่แม่สอดก็ยังไม่สามารถผ่านการประเมินเกณฑ์ความปลอดภัยฯ 44 ข้อของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทั่งแม้ในอีก 1-2 เดือนถัดมา โรงเรียนไทยทั้งหลายจะผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดลงจนในบางแห่งแทบจะมองไม่เห็นนักเรียนใส่หน้ากากอนามัย migrant school ในแม่สอดก็ยังได้รับการสนับสนุนให้จัด home-based learning คือ ให้ครูไปพบกลุ่มนักเรียนตามแต่ละชุมชนทั่วแม่สอดต่อไป
อย่างไรก็ดี migrant school จำนวน 16 แห่งที่พอมีต้นทุน ได้พยายามปฏิบัติตามเกณฑ์ 44 ข้อทุกวิถีทางจนกระทั่งผ่านการประเมินความพร้อมโดยศูนย์ประสานงานการจัดการศึกษาเด็กต่างด้าว และได้รับอนุญาตให้เปิดได้โดยมีเงื่อนไขว่านักเรียนและครูจะต้องไม่ใส่เครื่องแบบนักเรียน เสมือนเป็นการยังไม่ได้เปิดเรียนจริง
ทว่า เพียง 1 วันก่อนการเปิดเทอมดังหวังเมื่อ 12 ต.ค. ก็มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นพบคนขับรถขนส่งสินค้าจากพม่าที่เข้ามาในแม่สอด 3 คน โรงเรียนเทศบาลไทยประกาศปิด 2 วัน แล้วจึงเปิดใหม่ด้วยเหตุผลว่า นักเรียนจากชุมชนเสี่ยงอยู่ในระหว่างล็อคดาวน์ จึงไม่มีความเสี่ยงที่โรงเรียน หาก migrant school ที่กำลังจะเปิดก็ต้องปิดต่อไป
ปลายปี 2563 สถานการณ์โควิดในพม่ารุนแรงยิ่งขึ้น และเริ่มพบเคสคนไทยที่ไปทำงานในคาสิโนฝั่งพม่ากลับมาด้วยไวรัสโควิดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดจึงมีการประกาศปิดโรงเรียนในแม่สอดหลังปีใหม่ และเมื่อเกิดการพบคลัสเตอร์ใหม่ในตลาดและชุมชนแรงงานข้ามชาติ คำสั่งปิดก็ต่อเนื่องมาจนถึง 19 ก.พ. 64
ณ วันนี้ migrant school 45 แห่ง ยังไม่เปิดให้นักเรียนกว่าหกพันคนได้ไปโรงเรียน จำนวนนักเรียนลดลงมาจากปีการศึกษา 2562 และมีทั้งนักเรียนและครูกว่าพันที่ยังติดค้างอยู่ในฝั่งพม่า ทั้งนี้ โรงเรียนรัฐไทยในแม่สอดที่เปิดได้แล้วในสัปดาห์นี้ ล้วนมีนักเรียนข้ามชาติเรียนอยู่ด้วยเป็นสัดส่วนสูงมาก และบางแห่งเป็นนักเรียนข้ามชาติเกือบทั้งโรงเรียน สัญชาติของผู้เรียนจึงอาจไม่ใช่ปัจจัยสำคัญของการปิดหรือเปิดโรงเรียนแต่อย่างใด