รถแล่นอยู่บนถนนเส้นทางหนึ่ง มันเป็นถนนเปลี่ยว มีป่าไม้อยู่ตลอดข้างทางที่เอวาขับผ่านมา ไร้การสัญจรของรถคันอื่น มีเพียงแค่รถกระบะสีดำของเอวาเท่านั้นในตอนนี้ เธอขับออกจากสถานที่ที่ตั้งเต็นท์ก่อกองไฟรับลมหนาวมาได้ราวสองชั่วโมง เอวาเหลือบมองหน้าปัดรถ ไฟเตือนน้ำมันได้สว่างวาบ เข็มแสดงปริมาณน้ำมันชี้ไปที่เลขศูนย์
เอวาเลี้ยวเข้าข้างทาง เธอแตะหน้าจอโทรศัพท์ที่ตั้งล็อกไว้ข้างหน้าซ้ำไปซ้ำมาให้แสดงจีพีเอสเพื่อที่เธอจะได้รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ส่วนไหนของโลกใบนี้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะใช้การไม่ได้ เครือข่ายไม่เสถียร
หญิงสาวตัดสินใจขับรถต่อไป ไม่นานเธอได้เห็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มันเป็นหมู่บ้านที่ดูเงียบและไร้ชีวิตชีวา
เอวาจอดรถไว้หน้าทางเข้าหมู่บ้าน เธอเปิดประตูลงจากรถกระบะ ตากวาดมองไปรอบ ๆ สองขาก้าวสำรวจ ในใจภาวนาขอให้เจอปั๊มน้ำมันเล็ก ๆ ในหมู่บ้านแห่งนี้ ถึงแม้เธอจะรู้อยู่เต็มประดาใจว่ามันไม่มีทางที่จะมีปั๊มน้ำมันในที่แบบนี้
บ้านแต่ละหลังล้วนทำมาจากไม้ บางหลังเอียงกะเท่เร่บ้าง มีช่องโหว่จากไม้ที่ไม่เท่ากันบ้าง และบ้านทุกหลังไม่มีรั้วกั้นอยู่ เอวาไม่มั่นใจว่าจะเรียกสิ่งนี้ว่าหมู่บ้าน แต่มันก็เป็นที่พักอาศัยตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน
หญิงสาวเดินมาจนเจอกับยายแก่คนหนึ่งกำลังนั่งยองหลังค่อมตากพืชอะไรบางอย่างบนกระด้ง
“ขอโทษนะคะ แถวนี้มีปั๊มน้ำมันไหมคะ” เอวาเดินตรงเข้าไปถาม
ยายแก่หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ในมือยังถือพืชกำลังจะเตรียมวางตาก ยายแก่เงยหน้ามองเอวา
“ไม่มีหรอกแม่หนู จะมีก็มีแต่ในตัวเมืองเท่านั้นแหละ” เสียงแหบพร่าเอ่ย
“ในตัวเมืองเหรอคะ”
“อีกหลายกิโลเลยละ”
อีกหลายกิโลเมตรกว่าจะถึงตัวเมือง เอวาคิดว่ารถของเธอไม่สามารถไปถึงตัวเมืองตามที่ยายแก่บอกมาได้ เธอลอบถอนหายใจอย่างเสียดาย หญิงสาวมองซ้ายมองขวาเผื่อจะเจออะไรที่สามารถช่วยเธอได้
“แม่หนูน้ำมันรถหมดสินะ” ยายแก่พูดขึ้น
“ค่ะ”
“มานอนพักที่บ้านฉันก่อนก็แล้วกัน” กระด้งถูกมือเหี่ยวจับยก ยายแก่ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินกระย่องกระแย่งไปข้างหน้า “เดี๋ยวฉันจะให้ลูกชายของฉันออกไปซื้อน้ำมันในเมือง” ยายแก่พูด “คงใช้เวลาไปกลับสามถึงสี่วัน”
“สามถึงสี่วันเหรอคะ” เอวาที่กำลังเดินตามยายแก่จากข้างหลัง ร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าจะใช้เวลาไปกลับจากที่นี่สู่ในเมืองนานขนาดนี้ ยายแก่ไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากหัวเราะเบา ๆ
ของสัมภาระถูกเอวาวางลงอยู่หน้าบ้านของยายแก่ เธอยืนพักหายใจให้หายเหนื่อยหลังจากแบกมันมา บ้านของยายแก่แตกต่างจากหลังอื่น ๆ แต่มันก็ไม่ได้ดีไปกว่าหลังอื่นมากสักเท่าไร เพียงแค่มีพื้นที่ภายในกว้างมากกว่า มันดูเหมือนโกดังมากกว่าบ้าน ไม่มีห้องครัวหรือแม้แต่ห้องน้ำภายใน เดินเข้าประตูบ้านมาก็พบกับภายในบ้านที่กว้าง มีไม้ตั้งเรียงกันเป็นที่กั้นจนเกิดช่องหลายช่องราวกับห้องไร้ประตู ส่วนห้องน้ำและห้องครัวหรือที่ทำอาหารนั้นอยู่ข้างนอกอีกฝั่ง
“แม่หนูจะใช้ห้องไหนล่ะ”
ยายแก่พูดขณะกำลังเดินไปยังตู้ที่มีผ้าห่มและหมอนอัดกันอยู่มุมบ้าน
“คุณทำธุรกิจเปิดห้องพักในบ้านเหรอคะ” เอวาถามออกไปด้วยความสงสัย เธอไล่สายตามองแทบทุกห้องที่ถูกกั้น
“ฉันไม่เข้าใจเรื่องแบบนั้นหรอกนะ ฉันเตรียมมันไว้ให้กับพี่น้องของฉันที่หนีจากความตายมาที่นี่น่ะ”
หญิงสาวหันมามองยายแก่ เธอไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ยายแก่พูดเท่าไรนัก
สุดท้ายแล้วเอวาตัดสินใจกางเต็นท์นอนอยู่ข้างนอกบ้านของยายแก่ซึ่งอยู่ใกล้กับป่าหลังหมู่บ้านพอดี
แสงแดดอ่อน ๆ กับอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า กองไฟจากเมื่อคืนได้กลายเป็นเถ้าถ่านปกคลุมท่อนไม้ เอวามุดออกมาจากเต็นท์เพื่อรับลมหนาว ยืนบิดตัวไปมา ในขณะนั้นเองสายตาของเธอได้ไปสะดุดกับสมุดวาดภาพของตัวเองซึ่งเปิดค้างไว้เมื่อคืนนี้ตอนนั่งผิงไฟวาดรูป
จากหน้ากระดาษขาวเปล่ากลายเป็นว่ามีรูปวาดประทับไปแล้ว เอวาหยิบมันขึ้นมา เธอหรี่ตามอง นี่ไม่ใช่รูปที่เธอวาด มันไม่ใช่แม้แต่ลายเส้นวาดด้วยซ้ำ มันเป็นรูปคนสามคนยืนจับมือกัน มีบ้านหลังใหญ่อยู่ด้านขวาสุด กลุ่มก้อนเมฆสองก้อนกับพระอาทิตย์ตรงกลาง เด็กผู้ชายอยู่ด้านซ้าย เด็กผู้หญิงผมแกละอยู่ตรงกลางและผู้หญิงอีกคนอยู่ด้านขวา
มีใครสักคนในหมู่บ้านแห่งนี้วาดรูปลงสมุดวาดภาพของเอวา เธอคิดว่าอาจจะเป็นหลานของยายแก่ แต่เอวาก็ไม่เคยเจอใครในบ้านของยายแก่นอกจากลูกชายที่อยู่ในวัยกลางคน
วันต่อมามีรูปวาดปรากฏอยู่บนสมุดวาดภาพของเอวาอีกครั้ง เป็นรูปวาดเดิม คนสามคนกับบ้านหลังใหญ่ แต่รอบนี้รูปบ้านถูกขีดข่วน เอวามั่นใจว่ามันเป็นฝีมือของเด็ก แต่เท่าที่เอวาสำรวจหมู่บ้านแห่งนี้มา เธอแทบจะไม่เห็นเด็กเลย ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้คนรุ่นราวคราวเดียวกับยายแก่
ไม่นานยายแก่ได้เดินกระย่องกระแย่งในมือถือถาดอันมีแก้วน้ำและอาหารมาทางเธอ
“นี่คือข้าวเช้า ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะถูกปากของเธอไหม”
“ขอบคุณค่ะ” เอวารีบวางสมุดวาดภาพลงแล้วเอื้อมมือไปรับถาดจากยายแก่
“ฉันคิดถึงรูปวาดแบบนี้ซะจริง” เอวาเลิกคิ้ว เงยหน้ามองยายแก่ “ภาพวาดนั่นน่ะ” ยายแก่ส่งสายตาไปทางสมุดวาดภาพที่กางออกของเอวา “เธอวาดสวยนะ” ยายแก่ชม “มันชวนทำให้ฉันนึกถึงหลานสาวของตัวเอง แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ที่นี่”
“ไม่มีเด็กอยู่ที่นี่เหรอคะ” หญิงสาวถามออกไปด้วยความสงสัย
“มันก็นานมาแล้วละนะที่เป็นแบบนั้น”
เอวานั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีเด็ก แล้วรูปวาดที่ปรากฏอยู่บนสมุดวาดของเธอเป็นฝีมือของใคร ทันใดนั้นเอวาเพิ่งตระหนักได้ว่าเธอมักจะเห็นมันทุกเช้าหลังออกมาจากเต็นท์ แสดงว่าระหว่างที่เธอเข้านอน จะต้องมีใครสักคนย่องมาที่บริเวณเต็นท์ของเธอ ในคืนนั้นเองหญิงสาวตัดสินใจนั่งผิงไฟข้างนอกเต็นท์ ไม่นอนทั้งคืน
กระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น คืนเมื่อวานนี้เอวาไม่พบร่องรอยหรือใครเลย ตอนนี้เปลือกตาของเธอค่อย ๆ ขยับลงมาจรดขอบตาล่าง หญิงสาวลุกเดินไปล้างหน้าที่ห้องน้ำข้างบ้านของยายแก่ บางทีอาจจะเป็นเธอที่วาดเองตอนละเมอ แต่นั่นก็ดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไรนัก เอวาไม่คิดว่าเธอจะวาดรูปแบบนั้น
ในขณะนั้นเองที่เอวากำลังเดินกลับถึงเต็นท์ เธอได้เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เด็กผู้หญิงคนนั้นมีรูปร่างผอมกะหร่อง ผมแกละถูกมัดไว้หลวม ๆ ดูรุ่ยร่าย เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าเปื้อนฝุ่น เอวารีบเดินไปหลบอยู่หลังต้นไม้
เด็กสาวเดินลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวบริเวณเต็นท์ของเอวา หันมองซ้ายและขวาก่อนจะเดินตรงไปยังกองกระดาษวาดรูปที่เอวาตั้งใจวางไว้เมื่อคืน เด็กสาวนั่นลงขีดเขียนบนสมุดวาด เอวาตกใจกับสิ่งที่เห็นจนเผลอทำเสียงดัง เด็กสาวสะดุ้งตื่นตกใจมือปล่อยดินสอแล้วรีบคว้าผลไม้ที่อยู่ข้าง ๆ เข้ามาไว้ในตัวแล้วลุกขึ้นวิ่งทันที เอวาร้องห้ามขณะวิ่งไล่ตาม แต่แล้วเด็กสาวก็ได้สะดุดล้มหน้าคะมำพื้น ผลไม้ที่โอบอุ้มไว้หล่นกลิ้งไปไกล เด็กสาวพยายามยันตัวเองขึ้น เอวารีบเข้าไปช่วยพยุงแต่เด็กสาวพยายามดิ้นขัดขืนเธอแล้วร้องพูดภาษาอะไรบางอย่างออกมา ซึ่งเป็นภาษาที่เอวาเองก็ไม่เข้าใจ
ไม่นานมีเด็กชายคนหนึ่งร้องตะโกนคำว่า ไรรีย์ ผ่านมาเจอ เขาเห็นเธอกับเด็กสาวจึงรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับพูดคำว่าไรรีย์ขณะมองไปยังเด็กสาว และเด็กสาวเองก็มีปฏิกิริยาร้องตอบรับพร้อมร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“ไม่นะ” เอวารีบปล่อยมือจากแขนของเด็กสาวหรือเจ้าของชื่อไรรีย์ “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเธอ”
“ทำอะไรกันอยู่ตรงนั้นน่ะ”
เสียงของยายแก่ทำให้เอวาและไรรีย์ รวมถึงเด็กชายหันไปมองเธอ
เอวารีบเดินเข้าไปอธิบายเหตุการณ์ให้ยายแก่ฟัง ยายแก่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เธอเดินผ่านเอวาเข้าไปคุยกับเด็กชายด้วยภาษาที่เอวาเองก็ไม่เข้าใจเช่นเคย หญิงสาวยืนมองพวกเขาทั้งสองคนคุยกัน สลับกับไรรีย์ที่ตอนนี้กำลังยืนร้องสะอึกสะอื้นอยู่ด้านหลังของเด็กชายขณะที่มืออีกข้างยังคงจับชายขอบเสื้อล่างของเด็กชายไว้
ผ่านไปไม่กี่นาทีไรรีย์ตามยายแก่เข้าบ้านไป ส่วนเด็กชายรีบวิ่งเข้าป่าไป หญิงสาวประหลาดใจ ยายแก่หันมาเรียกเอวาให้เข้าไปในบ้านเพื่อช่วยเธอเตรียมผ้าไว้ปูเป็นที่นอนในแต่ละห้อง
“หลานของฉันไปอยู่กับพ่อและแม่ของเขาในเมือง” ยายแก่ว่าขณะยื่นผ้าปูผืนใหญ่ให้กับเอวา “คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่จากหมู่บ้านนี้เลือกที่จะเข้าไปทำงานแล้วตัดสินใจลงหลักปักฐานอยู่ที่นั่น” เสียงแหบพร่าพูดต่อ “เพราะอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรดีเท่าในเมือง”
“ทำไมคุณยายไม่ไปกับพวกเขาละคะ” เอวาเงยหน้าถามเมื่อปูผ้าผืนใหญ่เสร็จ
“จะอยู่ที่นั่นหรืออยู่ที่นี่ก็ไม่ต่างกันหรอก อยู่ที่นั่นไป วันดีคืนดีก็อาจโดนส่งกลับไปที่เดิม” ยายแก่ว่าพลางยื่นผ้าผืนต่อไป “อย่างน้อยจากนี้ไปคงไม่ต้องเหงาแล้ว” เอวาปั้นหน้าสงสัยทำให้ยายแก่ต้องพูดต่อ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผู้คนจากที่ที่ฉันมา จะมาอยู่ที่นี่ หลบหนีจากความตาย ไม่ต่างกันกับฉันและไรรีย์”
เอวาหันไปมองไรรีย์ที่กำลังหลับอยู่บนผ้าปูที่นอนพร้อมกับผ้าห่มอุ่น ๆ
ไม่นานเหล่าผู้คนที่ยายแก่พูดถึงได้มายืนอยู่หน้าบ้านของยายแก่พร้อมกับเด็กชาย มีทั้งคนชรา คนวัยกลางคน คนหนุ่มสาว รวมไปถึงเด็กเล็กวัยเตาะแตะ ทุกคนต่างแบกสัมภาระมามากมายเพื่อมาที่นี่ ที่ที่ปลอดภัยกว่าที่ที่พวกเขาหลบหนีมา
เอวาเข้าใจในสิ่งที่ยายแก่ต้องการสื่อ เธอมองเห็นเด็กหลายคนที่นี่ต้องหยุดการเรียนเพื่อชีวิตของตัวเอง มองเห็นทุกคนที่ต้องละทิ้งบ้านและทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองเพื่อความอยู่รอด หลังจากวันนั้น เอวาได้ลงรูปวาดของไรรีย์และเขียนบทความถึงเรื่องของเหล่าผู้ลี้ภัยที่เธอพบเจอลงบนอินเตอร์เน็ตทุกแพลตฟอร์ม
ในขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังใช้ชีวิตอย่างปกติ
ยังมีผู้ที่กำลังหนีความตายจากสงครามและความรุนแรงในประเทศของตัวเองอยู่เป็นจำนวนมาก
พวกเขาต้องการได้รับความช่วยเหลือ
พวกเขาเฝ้าภาวนาให้ถึงวันนั้น
วันที่ได้รับการช่วยเหลืออย่างแท้จริง…..
หมู่บ้านไร้เสียง โดย Wowaen
รางวัลดอ ธาน ธาน ประเภทงานเขียนเยาวชน ลำดับที่ 2 เงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร
ภาพประกอบ
Refugee Future โดย Peh Bu
รางวัลดอ ธาน ธาน ประเภทภาพวาดบุคคลทั่วไป (ชมเชย)
จำนวน 1 รางวัล เงินรางวัล 1,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร
กิจกรรมประกวดงานเขียน ภาพถ่าย ภาพวาด ว่าด้วยผู้ลี้ภัยและแรงงานข้ามชาติ ภายใต้หัวข้อ “เพื่อนไร้พรมแดน” เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้ Project for the Agents of Changes (PAC) มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน ร่วมด้วย Realframe และสำนักข่าวชายขอบ สนับสนุนโดย the Norwegian Human Rights Fund (NHRF)
รางวัล “ดอ ธาน ธาน” เป็นรางวัลที่เราจัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อระลึกถึงความงดงามและคุณค่าอันยิ่งใหญ่ของ “ดอ ธาน ธาน” ครูใหญ่แห่งศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ Love Learning Center เธอเป็นครูมาตลอดชีวิตตั้งแต่อยู่ในพม่า และเมื่อพลัดถิ่นฐานมาก็ทุ่มเทกับการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เด็กลูกหลานแรงงานข้ามชาติในอ.แม่สอด จ.ตาก จนกระทั่งได้เสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา
คณะกรรมการคัดเลือกงานเขียน
ภาสกร จำลองราช บรรณาธิการสำนักข่าวชายขอบ
พรสุข เกิดสว่าง อดีตบรรณาธิการนิตยสารเพื่อนไร้พรมแดน
นาน จี เอ กวีสมัครเล่น อดีตผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยง ตั้งถิ่นฐานใหม่นอร์เวย์
วัฒน์ วรรลยางกูร นักเขียนอิสระ คนไกลบ้าน
ชมัยภร แสงกระจ่าง นักเขียนและนักวิจารณ์อิสระ