ซากมนุษย์

ซากมนุษย์

| | Share

แสงดวงดาวของค่ำคืนนี้ ยังคงส่องแสงริบหรี่อยู่ในท้องฟ้าที่มืดมน มีเพียงแสงของดวงจันทร์ที่ทำหน้าที่แทนดวงอาทิตย์ส่องสว่างลงมาพอที่จะฉายให้เห็นร่างของใครบางคนที่นั่งกอดเข่ามองดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้บนเสื่อผืนเก่า ๆ พร้อมผ้าห่มที่สุดแสนจะบางผืนหนึ่ง หนาวเหลือเกิน ในใจคิดถึงแต่เพียงผ้าห่มผืน หนา ๆ ที่เคยห่ม เสื่อที่เคยนอน แม้มันจะเป็นเสื่อเหมือนกันกับที่นอนอยู่ตอนนี้ แต่ความรู้สึกมันช่างแตกต่างนัก ความอบอุ่นที่จะมาบรรเทาความเหน็บหนาวนั้นแทบจะไม่มีด้วยซ้ำ เพียงแค่คิด น้ำใส ๆ ที่อยู่ภายในดวงตาก็ไหลออกมาเป็นพยานแห่งความเดียวดาย กองไฟที่ก่อขึ้นข้าง ๆ นั้นยังคงเผาไหม้ฟืนอย่างช้า ๆ 

“ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้ ทำไมผู้คนในแผ่นดินใหญ่ช่างโหดร้ายเหลือเกิน” ฉันคิดในใจ ฉันไม่ใช่นางเอกละครที่ต้องมารับบทบาทเช่นนี้ 

“แม่จ๋าหนูคิดถึงแม่เหลือเกิน คิดถึงน้อง ๆ” เสียงสั่นเครือของฉันที่เอ่ยออกมาเบา ๆ 

ชีวิตของฉันที่แทบจะหาคำว่า “เท่าเทียม” ไม่ได้เลย ความรู้สึกเหมือนกับตกเหวลึก การมีลมหายใจแต่  ในขณะที่ร่างกายแสนสะบักสะบอม ถ้านึกสภาพฉันไม่ออก อยากให้มองไปที่พรมเช็ดเท้า มันนิยามความเป็นตัวฉันอย่างแยบยล การต้องแบกรับความผิดของผู้อื่น ฉันไม่ใช่แพะแต่มักถูกโยนบาปให้ตลอดมา แทบจะไม่มีค่าในสายตาใคร อาจจะถึงกับขั้นน่าเขี่ยทิ้งเสียด้วยซ้ำ 

ฉันที่ถูกพามาด้วยความไม่รู้ กับคำพูดของใครคนหนึ่ง ครอบครัวที่หวังพึ่งพาฉัน ฉันไม่มีลังเลตัดสินใจในการลงมือทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ฉันไม่สามารถปฏิเสธได้เลย กับการที่จะต้องมาอาศัยอยู่ในแผ่นดินใหญ่ ถึงแม้จะได้เห็นข่าวคราวมากมายผ่านทางจอสี่เหลี่ยมของเพื่อนบ้านก็ตาม การทำงานที่หนักหน่วง เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ งานที่ทำก็มีมากกว่าคนอื่น ทั้งที่ฉันเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง การถูกเพื่อนร่วมงานกลั่นแกล้ง เพียงเพราะมีอะไรบางอย่างไม่เหมือนเขา มันช่างดูไม่ต่างจาก คนใช้ เลย มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะเอามาเป็นข้ออ้างในการขอความเป็นธรรม แต่มันเป็นเพียงความจริงที่ฉันทำอยู่ 

การตื่นนอนตอนเช้าที่แสนจะระบม ร่างกายที่อ่อนแรงเพราะถูกใช้งานหนัก ฉันได้แต่กำมือเป็นกำปั้นเล็กๆ ทุบลงบริเวณที่ปวดเบา ๆ ก่อนที่จะลุกจากที่นอนเพื่อที่จะทำธุระส่วนตัว การทำงานวันนี้ยังคงเป็นไปด้วยดี ฉันที่เริ่มซึมซับภาษาของคนที่นี้มาได้บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นที่จะสื่อสารได้ งานนั้นก็จะเป็นการแบกหามของหนัก หรืองานที่ทุกคนไม่อยากทำ ฉันก็จะเป็นคนเก็บงานทั้งหมด และเมื่อเกิดปัญหาระหว่างทำงานไม่ว่างานไหน ๆ ก็ต้องเป็น      ฉันที่มารับผิดแทนคนอื่นเสมอ เจ้าของโรงงานที่กดขี่ค่าแรงฉัน บังคับขู่เข็ญฉันในหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งต่างจากตอนที่ฉันมาอยู่ในช่วงแรก 

นับเวลาเล่น ๆ ก็เท่ากับจำนวนนิ้วมือทั้งสองข้าง กว่าทศวรรษที่ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ค่าแรงของต่างด้าวอย่างฉันก็ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บ้านที่ไม่เคยได้กลับ เสียงของแม่และน้อง ๆ ที่ได้ยินเพียงบางครั้งที่โอนเงินกลับไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเงินที่โอนไปนั้นถึงมือหรือเปล่า วันหยุดของฉันก็ไม่เคยมี 

“อยู่นั่นไง” เจ้าของโรงงานพูดขึ้น ขณะเขากำลังเดินมาที่ฉันพร้อมกับล่ามที่ฉันรู้จักดี เขาสองคนคุยอะไรกันสักอย่างก่อนที่ล่ามจะหันมาบอกฉัน 

“เถ้าแก่ต้องการให้เธอช่วยอะไรบางอย่าง มันเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เธอพอจะช่วยได้ไหม” ฉันนิ่งคิดสักพักก่อนที่จะตอบกลับไปแต่ไม่ทันได้พูด เสียงของล่ามก็ดันแทรกเข้ามาก่อน 

“มันสำคัญมาก ๆ ถ้าเธอให้เขาได้ เขาจะตอบแทนเธออย่างงาม” ฉันได้แต่มองหน้าเขาก่อนจะยืนทบทวน การที่มาอยู่ในโรงงานแห่งนี้มันอาจจะเหน็ดเหนื่อยสำหรับฉันมากกับการทำงานหลาย ๆ อย่าง แม้บางครั้งฉันอาจจะอิจฉาเพื่อนร่วมงานที่ไม่ต้องทำงานแบบฉัน แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็มีจิตใต้สำนึกของความเป็นมนุษย์รู้ผิดชอบชั่วดี หากมันเป็นการทำผิดกฎหมาย ฉันก็ไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว ฉันทำงานดีก็ไม่ได้ค่าจ้างเต็มแรง ฉันไม่ทำงานก็โดนตำหนิ แล้วยิ่งฉันไม่ทำตามที่นายจ้างขอฉันจะโดนยังไงบ้าง

“โอเค ฉันจะช่วยถ้าฉันช่วยได้” ฉันตอบล่ามกลับไป หลังจากที่ยืนคิดอยู่สักพัก ล่ามหันไปบอกเจ้าของโรงงาน ก่อนที่เขาเดินดิ่งเข้ามาหาฉันพร้อมกับโอบกอดฉัน ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังจะสื่อถึงอะไร ฉันสัมผัสได้เพียง ความนุ่มของมือเขาเหมือนไม่เคยทำงานหนัก ในขณะที่เขากำลังโอบหลังฉันที่เปียกโชกเพราะเหงื่อ จากการทำงาน ฉันไม่ได้กล้าถามเขาหรอก ว่าจะให้ฉันทำอะไร ฉันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของทรัพย์สินเขา เขามีอภิสิทธิ์ในตัวฉัน   ทุกอย่าง ฉันยังคิดว่าถ้าเขาให้ฉันทำสิ่งไม่ดี ฉันก็คงต้องยอมทำ  

เช้าวันนี้ จริง ๆ แล้วฉันต้องเข้าทำงาน แต่ฉันกลับต้องมายืนอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เจ้าของโรงงานพาฉันมาตรวจร่างกาย ฉันไม่รู้ว่าเขาสื่อสารอะไรกันบ้างกับหมอและพยาบาล พอจะหันไปถามล่าม ก็เกรงใจอยู่ไม่น้อย รู้ตัวอีกทีก็ได้รับยาจากหมอเรียบร้อยแล้ว ล่ามบอกฉันว่า ให้ฉันพักผ่อนให้เพียงพอ 

เมื่อกลับมาถึงโรงงานในขณะที่ฉันกำลังจะกลับห้องก็ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมงานที่เป็นคนพม่าแบบฉันซุบซิบอะไรสักอย่างเกี่ยวกับฉันเชิงว่า 

“คนนี้น่ะเหรอที่ตกเป็นเป้าเจ้าของโรงงาน” หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้น  

“ใช่ ๆ คนนี้แหละ รู้แล้วเหยียบไว้เลยอย่าบอกใครเชียว พวกเราจะซวยกันหมด” ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ตอบฉันไม่รู้ว่าทั้งสองกับลังพูดถึงอะไร ฉันได้แต่ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินกลับห้องไป 

“ฉันเป็นเป้าอะไร” ฉันคิดในใจ ฉันไม่เคยทำสิ่งไม่ดี ทำงานอย่างถวายหัว ไม่เคยคิดร้ายกับใคร

“จะเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่” ฉันพึมพำกับตัวเอง ไม่ว่านายจ้างจะให้ทำอะไร ฉันก็ต้องทำ ฉันปฏิเสธพวกเขาไม่ได้  

“ชั่งเถอะถึงจะเป็นอะไรฉันก็พร้อมจะทำ ก็มันจนตรอกแล้วหนิ” ฉันพูดกับตัวเอง 

วันนี้เป็นวันที่หมอได้นัดฉัน ไปโรงพยาบาล ฉันเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมที่มีอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย ด้วยความตื่นเต้น เพราะไม่รู้เหมือนจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ฉันนอนลงบนเหล็กสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ทำไว้รองให้ผู้ป่วยได้นอนลงพร้อมกับเหล่าหมอพยาบาลในชุดเครื่องแบบผ่าตัด เขาได้ลงมือฉีดยาสลบให้ฉัน ก่อนที่จะลงมือพันธะการกับร่างกายฉัน ฉันไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปนานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าส่วนไหนของร่างกายขาดหายไปบ้าง เพียงแค่รู้สึกเจ็บนิดๆ บางเวลาที่เหมือนจะมีอะไรเจาะลงมา เหมือนจะอยู่ในความฝัน แต่ก็ไม่ใช่เพราะยังรู้สึกเจ็บจริง เปลือกตาฉันบวมเปล่ง ฉันปวดจนลืมตาไม่ขึ้น เหมือนมีอะไรมาปิดตาฉันไว้ ฉันไม่พยายามลืมตา แต่รอตัวเองได้สติมากกว่านี้ 

เมื่อฉันได้สติ สายตาที่ต้องปรับอยู่สักพัก มองเห็นผนังเพดานที่ขาวกับแสงไฟที่ส่องออกมาจากหลอดไฟ ฉันหันไปรอบข้างก็พบกับเจ้าของโรงงานและล่ามที่ยืนคุยกันอยู่มุมห้อง พร้อมกับร่างหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่เคียงข้าง ๆ ฉัน เธอส่งยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร เมื่อล่ามเห็นว่าฉันขยับตัวได้ เขาก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่พยาบาลมาที่ห้อง ฉันรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่ขยับช่วงเอว จะว่าตรงกระเพาะก็ไม่ใช่ หน้าอกก็ไม่เชิง 

 “เป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นไหม” ล่ามแปลสิ่งที่หมอถาม เมื่อฉันได้ยินเช่นนั้นจึงตอบกลับไป 

“ดีขึ้นแล้วค่ะ อาจจะมีเจ็บ ๆ บ้าง” ล่ามหันกลับไปบอกหมอ ก่อนที่หมอจะพยักหน้า จัดยาให้ฉัน 

เจ้าของโรงงานเดินมาหาฉันก่อนจะหยิบกระดาษอะไรบางอย่างส่งมาให้ฉันอ่านเนื้อความในกระดาษเป็นภาษาพม่าที่ฉันเข้าใจดี  

“ขอบคุณมาก ๆ นะ ที่ช่วยเหลือฉันกับลูกสาว ถ้าไม่มีเธอฉันก็ไม่รู้จะพึ่งใคร เพราะไม่มีใครหรอกที่เต็มใจจะยกปอดของตนเองให้คนอื่น ขอบคุณเธอจริง ๆ นะ สะแบ่(มะลิ) และฉันขอโทษในหลาย ๆ เรื่องที่ทำไม่ดีกับเธอ ขอให้เธอให้อภัยฉันนะ” ฉันที่ได้อ่านข้อความ ก็ถึงกับน้ำตาไหล เขาตั้งใจจะขอบคุณฉันจริง ๆ ถึงขั้นลงมือเขียนภาษาพม่าให้ฉันอ่านออก ฉันกอดเขาเหมือนแม่คนหนึ่ง ก่อนที่จะปล่อยโฮออกมา เขากอดฉันไว้หลวม ๆ แล้ว     ลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู ฉันไม่เคยอยากได้รับการยอมรับ ไม่ต้องการความเกลียดชังจากคนอื่น ฉันเป็นคน ๆ หนึ่งที่อยากให้ทุกคนปฏิบัติต่อฉันในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่มองฉันเป็นเพียงสัตว์ตัวหนึ่ง  

“ฉันหนาว ไม่ไหวแล้วนะ…..” หญิงสาวที่นั่งมองดวงจันทร์พึมพำ  กลิ่นน้ำมันก๊าดที่อยู่กองไฟใกล้ ๆ นั้น เริ่มจางหายไป ท่อนไม้นับ 10 ท่อนที่นำมาเป็นเชื้อไฟก็เริ่มน้อยลดลง บรรยากาศแห่งความโศกเศร้ากำลังเข้ามาเยือนอีกครั้ง มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันต้องมานั่งคนเดียวแบบนี้ บนเสื่อผืนนี้ที่มีตำนานแห่งความเจ็บปวดมากมาย         ฉันแทบไม่อยากหยิบมันขึ้นมานั่งหากไม่เจอเรื่องแบบนี้ ซากมนุษย์คนแล้วคนเล่าที่ล้มป่วยและลาโลกไป โดยไร้ซึ่งคนเหลียวแล เขาไม่มีสิทธิทางกฎหมาย แต่พวกเขามีตัวตนบนโลกใบนี้ ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะที่ฉันต้องมานั่งเผาศพเพื่อนตัวเองแบบนี้…..  

ซากมนุษย์ โดย น.ส.แต๋น
รางวัลดอ ธาน ธาน ประเภทงานเขียนเยาวชน ลำดับที่ 1  เงินรางวัล 7,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร 

กิจกรรมประกวดงานเขียน ภาพถ่าย ภาพวาด ว่าด้วยผู้ลี้ภัยและแรงงานข้ามชาติ ภายใต้หัวข้อ “เพื่อนไร้พรมแดน” เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้ Project for the Agents of Changes (PAC) มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน  ร่วมด้วย Realframe และสำนักข่าวชายขอบ สนับสนุนโดย the Norwegian Human Rights Fund (NHRF)

รางวัล “ดอ ธาน ธาน” เป็นรางวัลที่เราจัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อระลึกถึงความงดงามและคุณค่าอันยิ่งใหญ่ของ “ดอ ธาน ธาน” ครูใหญ่แห่งศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ Love Learning Center  เธอเป็นครูมาตลอดชีวิตตั้งแต่อยู่ในพม่า และเมื่อพลัดถิ่นฐานมาก็ทุ่มเทกับการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เด็กลูกหลานแรงงานข้ามชาติในอ.แม่สอด จ.ตาก จนกระทั่งได้เสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา

คณะกรรมการคัดเลือกงานเขียน
ภาสกร จำลองราช บรรณาธิการสำนักข่าวชายขอบ
พรสุข เกิดสว่าง อดีตบรรณาธิการนิตยสารเพื่อนไร้พรมแดน
นาน จี เอ กวีสมัครเล่น อดีตผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยง ตั้งถิ่นฐานใหม่นอร์เวย์
วัฒน์ วรรลยางกูร นักเขียนอิสระ  คนไกลบ้าน
ชมัยภร แสงกระจ่าง นักเขียนและนักวิจารณ์อิสระ

Related