ส่งกลับไม่สมัครใจและไม่ปลอดภัย
ไม่นานนักหลังจากที่ได้ยินเสียงผู้ลี้ภัยเล่าว่า ที่ตัดสินใจข้ามแม่น้ำเมยกลับไปยังฝั่งรัฐกะเหรี่ยงก็เนื่องมาจากความเข้าใจชัดเจนว่า “เราไม่เป็นที่ต้อนรับ” พวกเขาต่างถูกบอกซ้ำ ๆ ว่า “กลับได้แล้ว”
เช้านี้เราก็ได้รับข่าวเศร้า ว่าหญิงวัย 42 ปีผู้เพิ่งกลับคืนถิ่นไปจากฝั่งไทย ถูกสะเก็ดกระสุนปืนใหญ่ของกองทัพพม่าเสียชีวิตเมื่อเย็นวานนี้ ในพื้นที่ริมขอบแดน เลเก้ก่อ จากการยิงสู้รบกันตั้งแต่ราวบ่ายสามโมง
“เวลาชาวบ้านกลับไป บางคน ไม่เหลืออะไรเลย ทหารพม่าเอา ของในบ้าน ทรัพย์สิน สัตว์เลี้ยงไปหมด ทาง bgf กับทหารไทย บอกว่า กลับได้ปลอดภัยแล้ว แต่เวลาคนตายไป ใครจะรับผิดชอบได้” เสียงจากชายแดนแม่สอดกล่าว
ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา กลางดึกคืนที่ผ่านมานี้ เครื่องบินรบพม่าก็ได้วนไปโจมตีพื้นที่อำเภอดวยโล จังหวัดมื่อตรอถึงสามจุด เป็นทั้งโรงเรียนและโรงพยาบาล ชาวบ้านในพื้นที่ใช้ชีวิตอยู่หลบซ่อนเป็นผู้พลัดถิ่นอยู่ในป่าเขามาหลายเดือนแล้ว จึงไม่มีผู้ใดเสียชีวิต
การสู้รบในฤดูแล้งกำลังแผ่ขยาย และโหดร้ายกว่าที่เคยเป็นมาด้วยอาวุธยุโธปกรณ์ที่ครบมือของกองทัพพม่า และการไม่สามารถถอยได้อีกต่อไปแล้วของกองกำลังชาติพันธุ์ รัฐบาลไทยจำเป็นต้องยอมรับความจริงแล้วว่า การบริหารจัดการแบบชั่วคราวเฉพาะหน้า โดยตั้งเป้าว่าจะต้องจัดการให้จำนวนผู้ลี้ใหม่ใหม่ลดลงเหลือ 0 ให้เร็วที่สุดแต่เพียงประการเดียวนั้น ไม่เพียงพอและไม่เหมาะสม
จากรายงานข่าวล่าสุดที่กล่าวไว้ข้างต้นนี้ คำว่า “ส่งกลับไปตาย” ไม่ได้เป็นคำพูดเกินจริงอีกต่อไป
หมายเหตุ ภาพจาก Karen National Media และ Karen Information Center