บันทึกโควิด
โดย จูลี ทู นักเรียนหญิงชั้นม. 5 (ชั้นปีที่ 11)
โรงเรียนซาตู่ก้อ แม่สอด จ.ตาก
ครอบครัวของฉันมีด้วยกัน 7 คน ฉันเป็นลูกคนที่สอง ถัดจากฉันไปมีน้องสาวอีก 3 คน ทั้งฉันและน้องรวม 4 คนนี้เรียนอยู่ที่โรงเรียนซาตู่ก้อทั้งหมด ส่วนพ่อแม่และพี่ชายทำงานรับจ้างรายวัน พ่อกับพี่ชายทำก่อสร้างบ้าง ถ้าช่วงไหนงานก่อสร้างไม่มีก็ไปรับจ้างหักข้าวโพด ส่วนแม่นั้นถ้าเป็นฤดูเกี่ยวข้าวแม่ก็ไปรับจ้างเกี่ยวข้าว ฤดูเก็บข้าวโพดก็ไปหักข้าวโพด ฤดูเก็บถั่วก็ไปเก็บถั่ว เวลาว่างจากนั้นแม่จะปลูกผักอยู่หลังบ้านให้เราได้มีกิน ทั้งพ่อแม่ของฉันและพี่ชายต่างทำงานตลอดเวลา ไม่ว่าจะฝน ร้อน หนาว พวกเขาก็ทุ่มเทเพื่อให้ครอบครัวมีกินมีใช้
ก่อนที่โควิด19 จะมาถึงแม่สอด ครอบครัวของฉันแม้ไม่ร่ำรวย ก็อยู่อย่างสงบสบายในบ้านเช่าของเรา พ่อ แม่และพี่ทำงานหนักโดยไม่เคยปล่อยให้เราอดอยาก ในชุมชนเราก็มีความเป็นอยู่ไม่ด้อยไปกว่าใคร ฉันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองลำบาก และไม่เคยได้เห็นน้ำตาของพ่อสักครั้ง แต่พอโควิด-19 มาเยือน ครอบครัวเราก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อโรคระบาดนี้มาถึง พ่อ แม่และพี่ของฉันตกงานทันที การจะไปหางานอื่นทำไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะที่ไหนก็ต้องการแรงงานที่มีบัตรประชาชนไทย หรือไม่ก็บัตรแรงงานหรือพาสปอร์ตก็ยังดี ก่อนหน้านี้พ่อกับพี่ชายไปถ่ายบัตร 10 ปี (บัตรผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน) ไว้แล้ว แต่พอเกิดโรคระบาด บัตรนี้ก็ไม่ออกเสียที หลายต่อหลายวันพวกเขาอยู่กับบ้านเฉย ๆ แต่ถ้ามีงานอะไรให้ทำก็ไปทำทุกอย่าง ฉันนั้นช่วยแม่ทำงานบ้าน ให้น้องสาวคนถัดจากฉันคอยดูแลน้องสาวเล็กอีก 2 คน เพราะแม่ยุ่งกับการปลูกผักหลังบ้าน นอกจากกินแล้วก็เอาไปขายได้เงินมานิดหน่อย เราอยู่กันแบบนี้
แต่แล้วสถานการณ์ก็ยืดเยื้อกว่าที่คิด ผ่านไปเดือนแล้วเดือนเล่า เงินที่เก็บไว้ก็หมดลง วันหนึ่ง ตอนที่ฉันกำลังเดินไปหาครูที่เรียกพบกลุ่มนักเรียนที่บ้านเพื่อน ระหว่างทางก็เจอเพื่อนเก่าของพ่อคนหนึ่ง ลุงคนนี้ถามถึงพ่อและฉันก็ตอบไปตามที่รู้ ลุงเขาจึงแวะไปหาพ่อ และช่วยเหลือให้พ่อกับพี่ได้มีงานทำ อีกทั้งยังได้ถ่ายบัตรแรงงานให้ด้วย ถึงการเงินในครอบครัวจะไม่ดีนัก เราก็เลยไม่ถึงกับอดอยาก
เวลาผ่านไปอีก จากวันเป็นอาทิตย์ และหลายอาทิตย์ สถานการณ์โควิด 19 ก็ไม่ดีขึ้นเลย แล้วก็ถึงวันที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว อยู่ ๆ เจ้าของที่ดินก็มาบอกให้เราย้ายออกเพราะเขาต้องการขายที่ดินผืนนี้ โควิดทำให้เขาต้องการเงิน เราต้องย้ายออกภายในหนึ่งอาทิตย์ เจ้าของที่ดินให้เวลาเราแค่นั้น เราพยายามไปขอความช่วยเหลือจากคนที่รู้จัก แต่ก็ไม่มีใครช่วยได้เลย ทุกคนกำลังลำบากเหมือนกันหมด
ฉันได้เห็นพ่อน้ำตาไหลเป็นครั้งแรกในชีวิต พวกเราเป็นพลเมืองประเทศพม่า แต่ก็ไม่สามารถกลับไปอยู่ในประเทศพม่าได้ แล้วเราจะทำอย่างไร จะไปอยู่ที่ไหน ในวันที่ต้องย้ายของ ญาติพี่น้องทางแม่บอกว่าจะมาช่วย แต่พ่อบอกเขาไปว่าไม่ต้องมา พวกเขาอยู่ไกลเกินไป กว่าจะมาถึงระหว่างทางอาจจะถูกตำรวจจับ และยังต้องระวังโควิดด้วย ครอบครัวเราเก็บข้าวเก็บของ หอบเสื้อผ้าไปตั้งเพิงบนที่รก ๆ ตรงข้าง ๆ บ้านของเพื่อนคนหนึ่ง และก็ต้องอยู่กันอย่างนั้น
โควิด 19 ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างพังทลาย ตอนนี้มันถึงขนาดว่าเราไม่มีบ้าน นอกจากนี้โควิด 19 ยังทำให้เราถูกรังเกียจและดูถูกโดยคนไทย พวกเขามองว่าโรคนี้มาจากพวกเรา แต่สำหรับฉัน มันไม่ได้มาจากใคร ฉันรู้แต่ว่าโรคนี้ทำให้ครอบครัวของทุกคนต้องลำบาก และต้องสัมผัสพบเจออะไรที่ไม่เคยเจอมาก่อนเลยในชีวิต
** ภาพประกอบโดย จักรพันธ์ ศรีวิชัย