วลพ. แสดงความเป็นห่วง หลังกรณีศธ.สุราษฏร์ธานี สั่งปิดศูนย์มิตตาเย๊ะ เยาวชนเมียนมาร์หลุดจากระบบฯ นับพัน
จากกรณีที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสุราษฏร์ธานี สั่งปิดศูนย์การเรียนมิตตาเย๊ะบางกุ้งเมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลคือ ศูนย์ฯ จัดตั้งโดยขัดกับ พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน 2550 ซึ่งโรงเรียนเป็นกระแสบนสื่อสังคมออนไลน์จากคลิปที่เด็กนักเรียนร้องเพลงชาติเมียนมาร์ ต่อจากร้องเพลงชาติไทย โดยการตัดสินใจนี้ไม่ได้มาจากผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรง แต่มาจากศึกษาธิการจังหวัดเอง
ทำให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจขยายตัวและส่งผลกระทบไปยังศูนย์การเรียนรู้เด็กข้ามชาติในพื้นที่อื่นทั่วประเทศ ซึ่งรองรับเด็กลูกหลานแรงงานข้ามชาติจำนวนหลายหมื่นคน ทั้งทางด้านการศึกษา ความปลอดภัยระหว่างที่บิดามารดาต้องไปทำงาน หากเด็กต้องอาศัยอยู่เพียงลำพัง ย่อมเสี่ยงต่อการถูกแสวงหาประโยชน์ ล่วงละเมิดทางเพศ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด ขัดต่ออนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) ที่กำหนดให้การดำเนินการใด ๆ รัฐต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็ก สิทธิที่จะได้รับการพัฒนาและโอกาสทางการศึกษา อีกทั้งยังส่งผลต่อท่าทีของรัฐบาลที่เห็นชอบให้ถอนข้อสงวน ข้อ 22 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 และอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศอีกด้วย
เมียนมาร์เริ่มเกณฑ์พลเรือนชาย รวมถึงผู้พิการเพื่อเป็นทหาร หลีกเลี่ยงได้ แต่ต้องจ่ายเงิน
กองทัพเมียนมาร์เริ่มบังคับเกณฑ์ชายอายุ 35-65 ปี รวมถึงผู้พิการ เพื่อป้องกันหมู่บ้านและเมืองต่างๆ จากการคุกคามของกลุ่มกบฏ โดยการเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากกองทัพประสบกับการสูญเสียในสนามรบมากขึ้น นับตั้งแต่การรัฐประหารปี 2021
ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลทหารได้ออกกฎหมายการเกณฑ์ทหารเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนกำลังพล และฝึกทหารเกณฑ์หลายพันคนสำหรับการป้องกันพื้นที่อยู่อาศัย นักวิเคราะห์การเมืองเตือนว่าการติดอาวุธให้กับพลเรือนอาจทำให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น แทนที่จะช่วยเพิ่มความมั่นคง
ขณะนี้ในพื้นที่ต่างๆ เช่น เนปิดอว์ ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ อิระวดี และรัฐกะเรนนี ทางการทหารได้เริ่มประชุมและเกณฑ์พลเรือนเพิ่มเติม ขณะที่ผู้ชายที่ถูกเกณฑ์บางคนระบุว่า หากปฏิเสธต้องจ่ายเงินเพื่อหลีกเลี่ยง
ที่มา: Radio Free Asia
เมียนมาร์โจมตีค่ายผู้ลี้ภัยทางอากาศ เด็กและผู้ใหญ่เสียชีวิต 8 ราย
เมื่อวันที่ 5 กันยายน ค่ายผู้ลี้ภัยในฝั่งตะวันตกของเมืองแฟคุงถูกโจมตีทางอากาศโดยสภาทหารเมียนมาร์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย รวมถึงเด็กนักเรียน และยังมีผู้สูญหายอีกหลายคน การโจมตีครั้งนี้สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนกว่า 20 หลัง และทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก
ค่ายผู้ลี้ภัยดังกล่าวเคยถูกโจมตีทางอากาศมาแล้วถึง 7 ครั้ง แต่การโจมตีครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากที่สุด โดยผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและเด็กนักเรียน
ก่อนหน้านี้ในวันที่ 4 และ 5 กันยายน เมืองนันแมข่งในเขตดีมอว์โซก็ถูกโจมตีทางอากาศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย พื้นที่ที่ถูกโจมตีทั้งสองแห่งนั้นไม่ได้มีการสู้รบ แต่กลับเป็นเขตที่ประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ที่มา: Kantarawaddy Times
เมียนมาร์จำคุกพลเรือน 144 คน ฐานสนับสนุนกบฏ หลังเหตุสังหารหมู่ในรัฐยะไข่
รัฐบาลทหารเมียนมาร์ตัดสินจำคุกพลเรือน 144 คน จากหมู่บ้านบะยีนพยูในรัฐยะไข่ ฐานสนับสนุนกลุ่มกบฏอาระกันอาร์มี่ (AA) หลังถูกควบคุมตัวมากว่าสามเดือน ซึ่งเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชนเกือบ 80 คนในหมู่บ้าน โดยครอบครัวของผู้ถูกตัดสินโทษปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้สนับสนุนกบฏ
ทหารได้ควบคุมตัวชาวบ้านราว 300 คน แต่มีเพียง 4 คนที่พ้นข้อกล่าวหา ขณะที่อีกกว่า 150 คนยังรอการพิจารณาคดีอยู่
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการรุกคืบของกลุ่มอาระกันอาร์มี่ในรัฐยะไข่ ซึ่งทำให้กองทัพเมียนมาร์ต้องจำกัดพื้นที่ควบคุมของตน โดยในขณะนี้ ชาวบ้านเกือบ 2,000 คนต้องอพยพไปหลบภัยในซิตตเว และทหารเพิ่มการตรวจสอบเข้มงวดในพื้นที่
ที่มา: Radio Free Asia
การโจมตีทางอากาศของรัฐบาลทหารในรัฐฉาน ทำพลเรือนเสียชีวิต 11 ราย บาดเจ็บอีก 11 คน
เมื่อช่วงเช้ามืดของวันศุกร์ที่ผ่านมา กองกำลังรัฐบาลทหารเมียนมาร์ได้โจมตีทางอากาศใส่เมืองหน่อมขั่นในรัฐฉาน ซึ่งถูกควบคุมโดยกลุ่มกบฏใกล้ชายแดนจีน ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิต 11 ราย และบาดเจ็บอีก 11 คน ตามรายงานจากชาวบ้านในพื้นที่
เครื่องบินรบของทหารทิ้งระเบิดสองลูกใกล้กับตลาดกลางคืนของเมืองหน่อมขั่น ชาวบ้านระบุว่ามีบ้านประมาณหกหลังถูกโจมตี โดยเด็กและหญิงตั้งครรภ์อยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิต ชาวบ้านได้แชร์วิดีโอให้ Radio Free Asia ซึ่งแสดงให้เห็นการขุดค้นหาผู้เสียชีวิตจากซากปรักหักพัง
เมืองหน่อมขั่นอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติต้าหลัง (TNLA) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรกลุ่มกบฏสามพี่น้องที่ทำการรุกไล่กองกำลังรัฐบาลทหารอย่างมากตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จีนได้เข้าแทรกแซงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในเมียนมาร์และเคยเจรจาหยุดยิงชั่วคราวสองครั้ง แต่ไม่ยืนยาว
ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 4 กันยายน การโจมตีทางอากาศของรัฐบาลทหารในเมืองสี่ป้อ รัฐฉานตอนเหนือ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 4 คน
ที่มา: Radio Free Asia