ทรัมป์สั่งระงับงบช่วยเหลือ IRC กระทบหนัก! ค่ายผู้ลี้ภัยไทย-เมียนมาขาดบริการสาธารณสุข
บริการสาธารณสุขในค่ายผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งดำเนินการโดยคณะกรรมการกู้ภัยระหว่างประเทศ (IRC) ถูกระงับเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2025 หลังจากคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์
IRC เป็นผู้ให้บริการสาธารณสุขหลักในค่ายผู้ลี้ภัยซึ่งเป็นที่พักพิงของผู้ลี้ภัยจากเมียนมาที่อาศัยอยู่ในค่ายตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยได้รับเงินทุนประมาณครึ่งหนึ่งจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยส่วนหนึ่งของงานคือการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยให้สามารถตั้งถิ่นฐานใหม่ในสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งให้คำมั่นว่าจะลดจำนวนผู้อพยพหากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ได้สั่งระงับการให้เงินทุนแก่ IRC เป็นเวลา 90 วัน ทำให้ IRC จำเป็นต้องระงับบริการสาธารณสุขทั้งหมดในค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศไทย
ผลจากการระงับบริการของ IRC ทำให้โรงพยาบาลในค่ายผู้ลี้ภัยต้องจำหน่ายผู้ป่วยทั้งหมด ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน และหยุดให้บริการผู้ป่วยนอก ตามรายงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในค่าย
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ทำงานในค่ายผู้ลี้ภัยนูโป จังหวัดตาก กล่าวกับ KIC ว่า “เราไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น ตามคำสั่งจากเบื้องบน เราจึงต้องจำหน่ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล เช้านี้ฉันเพิ่งทราบว่าการดำเนินงานของ IRC ทั้งหมดจะถูกระงับ ฉันไม่แน่ใจว่าสถานการณ์นี้จะยาวนานแค่ไหน เราถูกบอกว่าจะได้รับการติดต่อหากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ นอกจากนี้ เรายังได้ยินมาว่าจะไม่ได้รับเงินเดือนในเดือนนี้ และไม่รู้ว่าเราจะกลับมาทำงานอีกเมื่อไหร่ หรือจะได้รับเงินเดือนไหม”
นอกจากค่ายผู้ลี้ภัยนูโปแล้ว บริการสาธารณสุขของ IRC ยังถูกระงับในค่ายอุ้มเปี้ยมและค่ายแม่ละ จังหวัดตาก ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม นอกจากนี้ คนขับรถพยาบาลในทั้งสามค่ายก็ถูกสั่งพักงานเช่นกัน ตามข้อมูลที่ได้รับจาก KIC
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากค่ายแม่ละกล่าวกับ KIC ว่า “ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังประชุมหารือกัน ในระหว่างที่มีการประเมินจำนวนผู้ป่วย ทุกคนก็ถูกจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลแล้ว และอุปกรณ์ทางการแพทย์ก็กำลังถูกเก็บเข้าที่”
ซอว์ พลแซ เลขาธิการคณะกรรมการผู้ลี้ภัยกะเหรี่ยง (KRC) กล่าวว่า “IRC แจ้งเราว่าพวกเขาหยุดปฏิบัติงานเพราะไม่ได้รับเงินทุนอีกต่อไป หากไม่มีโรงพยาบาลในค่าย ผู้ลี้ภัยจะต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างมาก เราไม่รู้ว่าสถานการณ์นี้จะยาวนานแค่ไหน ตอนนี้ต้องประชุมเพื่อหาทางออก”
ปัจจุบัน การเก็บขยะในค่ายผู้ลี้ภัยก็ถูกระงับเช่นกัน ตามข้อมูลจาก KRC
นอกจากให้บริการสาธารณสุขแล้ว IRC ยังรับผิดชอบในการเก็บขยะ จัดหาน้ำดื่ม และดูแลสุขภาพของแม่และเด็กในค่ายผู้ลี้ภัย
ที่มา: BNI Online
ภาพ: Myanmar Now, Al Jazeera
สื่อเสรีถูกปิดกั้น! IPCM เผยนักข่าวถูกคุมขัง 43 ราย – 11 รายรับโทษหนักถึงจำคุกตลอดชีวิต
สภาสื่อมวลชนอิสระเมียนมา (IPCM) เปิดเผยว่ามีนักข่าวถูกสังหารไปแล้ว 7 ราย และถูกจับกุมกว่า 200 ราย นับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจในการรัฐประหารปี 2021 ขณะที่ยังมีนักข่าว 43 คนถูกควบคุมตัวอยู่ และในจำนวนนี้ 11 คนถูกตัดสินโทษจำคุกระยะยาว รวมถึงโทษจำคุกตลอดชีวิต
“ยังมีข้อมูลอีกมากเกี่ยวกับนักข่าวที่ถูกจับกุมซึ่งเรายังไม่สามารถเข้าถึงได้ เราจะเดินหน้ารวบรวมข้อมูล ไม่เพียงเพื่อช่วยเหลือพวกเขา แต่เพื่อให้แน่ใจว่าวันหนึ่งผู้ที่จับกุมและทรมานพวกเขาราวกับอาชญากรจะต้องเผชิญกับความยุติธรรม” น่าน พอ เก ประธาน IPCM กล่าวกับสำนักข่าว DVB หลังจากสภาสื่อมวลชนออกแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
IPCM ยังระบุว่ารัฐบาลทหารได้จับกุมนักข่าวอย่างไม่เป็นธรรมและตั้งข้อหาพวกเขาตามกฎหมายหลายฉบับ เช่น ประมวลกฎหมายอาญา, กฎหมายสมาคมที่ผิดกฎหมาย, กฎหมายโทรคมนาคม, กฎหมายคนเข้าเมือง, กฎหมายการส่งออกและนำเข้า, กฎหมายวัตถุระเบิด, กฎหมายจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติ และกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย
นอกจากนี้ รัฐบาลทหารยังเพิกถอนใบอนุญาตของสื่อ 15 สำนัก รวมถึง Democratic Voice of Burma (DVB), Mizzima, The Irrawaddy, Khit Thit Media, Myanmar Now และ 7Day News
ในเดือนพฤศจิกายน 2021 รัฐบาลทหารได้แก้ไขกฎหมายการออกอากาศทางโทรทัศน์และวิทยุ โดยเพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถแต่งตั้งตนเองเข้าสู่สภากระจายเสียง พร้อมทั้งเพิ่มโทษสูงสุดเป็นจำคุก 5 ปี และปรับเงินสำหรับการออกอากาศโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งรวมถึงการออกอากาศทางออนไลน์
ในเดือนนี้ รัฐบาลทหารประกาศใช้กฎหมายไซเบอร์ซิเคียวริตี้ ซึ่งมีเป้าหมายควบคุมการใช้เครื่องมือหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ทางอินเทอร์เน็ต เช่น Virtual Private Networks (VPN) ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเว็บไซต์และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ถูกบล็อก โดยปกปิดกิจกรรมออนไลน์จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
ชาวเมียนมาจำนวนมากต้องหันมาใช้ VPN เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ข่าวที่ถูกปิดกั้นและบัญชีโซเชียลมีเดียของตนเอง หลังจากรัฐบาลทหารบล็อก Facebook และเว็บไซต์ข่าวหลายแห่งตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021
IPCM ก่อตั้งขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย ในเดือนธันวาคม 2023 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมเสรีภาพสื่อในเมียนมา และเพิ่มมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยให้กับนักข่าว
ที่มา: DVB
สงครามไม่หยุด! กองทัพเมียนมาทิ้งระเบิดถล่มค่ายผู้พลัดถิ่น ดับ 8 บ้านพัง 78 หลัง
ข้อมูลจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนกะเรนนี (KnHRG) เปิดเผยว่า ในเดือนธันวาคม 2024 มีพลเรือนเสียชีวิต 8 ราย รวมถึงเด็ก จากการโจมตีในเขตลอยกอว์ เมืองโมไป์ และเมืองเปกกอง บริเวณชายแดนรัฐกะเรนนี-รัฐชาน
- 3 ธันวาคม: เด็กชายวัย 14 ปี เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศใกล้หมู่บ้านไซกุน เขตเปกกอง
- 4 ธันวาคม: การโจมตีด้วยโดรนที่ค่ายผู้พลัดถิ่นในเมืองโมไป์ คร่าชีวิตพลเรือน 3 ราย
- 31 ธันวาคม: การโจมตีทางอากาศที่ค่ายผู้พลัดถิ่นในซินซ่าข่า เขตลอยกอว์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 3 ราย
- อีก 1 ราย: เสียชีวิตจากระเบิดในเมืองโมไป์
- การโจมตีส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่พลเรือนที่ไม่มีทหาร ขณะที่ผู้คนต้องเผชิญความหวาดกลัวเพิ่มขึ้น แม้แต่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ การทิ้งระเบิดก็ยังดำเนินต่อไป
ในเดือนธันวาคม มีพลเรือนเสียชีวิต 8 ราย ซึ่งรวมถึงเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี 2 ราย ผู้ชาย 3 ราย และผู้หญิง 3 ราย อีก 19 คนได้รับบาดเจ็บจากระเบิดทางอากาศและโดรน ขณะที่บ้านเรือน 78 หลังถูกทำลาย
นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีเตือนถึงจำนวนผู้หญิงและเด็กที่เสียชีวิตจากการโจมตีของกองทัพเมียนมา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการโจมตีโดยเจตนา เนื่องจากกองทัพกำลังสูญเสียอำนาจทั้งในสนามรบและทางการเมือง
รายงานของ AAPP เมื่อวันที่ 7 มกราคมระบุว่า ทั่วเมียนมา มีพลเรือนเสียชีวิต 95 รายในเดือนธันวาคม รวมถึงเด็ก 14 ราย โดยเขตมัณฑะเลย์มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุด
ตั้งแต่รัฐประหาร 1 กุมภาพันธ์ 2021 ถึง 1 ธันวาคม 2024 รัฐกะเรนนีและเขตกะยันถูกโจมตีทางอากาศ 1,765 ครั้ง ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 536 ราย ตามรายงานของ PKPF เมื่อวันที่ 1 มกราคม
ที่มา: Kantarawaddy Times
Fortify Rights กดดัน ICC สอบสวน AA ปมสังหารเชลยศึกในรัฐยะไข่
กองทัพอาระกัน (AA) ยอมรับว่ากองกำลังของตนสังหารทหารเมียนมาที่ถูกจับเป็นเชลย 2 นายในเมืองเกาะตอว์ รัฐยะไข่ หลังจากองค์กรสิทธิมนุษยชนออกมาเปิดโปงกรณีสังหารนอกกระบวนการยุติธรรม
โฆษก AA, ไคง์ ตูข่า ระบุว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว ระหว่างการโจมตีหน่วยบัญชาการปฏิบัติการทางทหารที่ 9 ของกองทัพเมียนมา โดยผู้ก่อเหตุทั้งหมด รวมถึงผู้บังคับบัญชาระดับล่าง ได้รับการลงโทษแล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของบทลงโทษ
ไคง์ ตูข่า ชี้ว่ากองทัพเมียนมามีพฤติกรรมละเมิดสิทธิพลเรือนในรัฐยะไข่มาโดยตลอด ทำให้กองกำลัง AA ไม่สามารถควบคุมความโกรธแค้นได้เมื่อจับกุมทหารที่เคยทรมานและสังหารประชาชนในพื้นที่
กลุ่ม Fortify Rights ซึ่งตั้งอยู่ในไทย ได้เรียกร้องให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ตรวจสอบเหตุการณ์นี้ โดยระบุว่าการทรมานและประหารเชลยศึกถือเป็นอาชญากรรมสงคราม
มีวิดีโอที่หลุดออกมาแสดงให้เห็นว่าทหาร AA และชายชุดธรรมดาหลายคนรุมทำร้ายเชลยก่อนจะปาดคอพวกเขาใกล้หลุมศพ
นอกจากนี้ การโจมตีทางอากาศของรัฐบาลทหารเมียนมาในพื้นที่ที่ AA ยึดครองยังคงดำเนินต่อไป เมื่อวันที่ 8 และ 11 มกราคม การโจมตีในเมืองรามรีและเกาะตอว์ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย รวมถึงเด็ก
AA รายงานว่า การโจมตีทางอากาศของรัฐบาลทหารในเรือนจำที่เมืองมรัคอู เมื่อวันที่ 18 มกราคม ทำให้เชลยศึกและครอบครัวของพวกเขาเสียชีวิต 28 ราย และบาดเจ็บ 25 ราย
ทั้งนี้ การสังหารเชลยศึกโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของเมียนมา แต่จำนวนผู้เสียชีวิตยังน้อยกว่าผู้ที่ถูกสังหารโดยรัฐบาลทหารและพันธมิตรของพวกเขา
ที่มา: The Irrawaddy
นักโทษการเมืองเรือนจำลอยก่อเผชิญภาวะขาดสารอาหาร ทหารคุมเข้ม-งดออกกำลังกาย
นักโทษการเมืองราว 20 คนในเรือนจำลอยก่อกำลังเผชิญภาวะขาดสารอาหาร เนื่องจากการลดปริมาณอาหาร การขาดกิจกรรมทางกาย (Physical Activity) และข้อจำกัดในการเยี่ยมจากครอบครัว ตามรายงานของสมาคมนักโทษการเมืองกะเรนนี (KPPA)
ออง มโย จ่อ เลขาธิการร่วมของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (AAPP) เปิดเผยว่า กองทัพได้ส่งกำลังประจำอยู่ภายในเรือนจำ ทำให้นักโทษไม่สามารถออกกำลังกายได้ ซึ่งเมื่อรวมกับภาวะขาดสารอาหาร อาจนำไปสู่อาการอ่อนแรงของร่างกาย
ปัจจุบัน เรือนจำลอยก่อมีผู้ต้องขังมากกว่า 400 คน ในจำนวนนี้ราว 120 คนเป็นนักโทษการเมือง ขณะที่เจ้าหน้าที่เรือนจำก็เผชิญปัญหาขาดแคลนอาหาร เนื่องจากสถานการณ์สู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังกะเรนนียังคงรุนแรง
กองกำลังกะเรนนีอ้างว่าสามารถควบคุมเมืองได้ 6 แห่งในรัฐกะเรนนีและรัฐฉาน โดยก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยยึดพื้นที่เมืองหลวงในลอยก่อได้ถึง 80% ก่อนที่กองทัพเมียนมาจะยึดคืนเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว
สำหรับงบประมาณด้านสาธารณสุขที่รัฐบาลทหารจัดสรรให้กับนักโทษการเมืองแต่ละคนอยู่ที่เพียง 1,100 จ๊าตต่อเดือน (~8 บาท) ซึ่งไม่เพียงพอต่อการรักษาพยาบาล ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา มีนักโทษการเมืองเสียชีวิตถึง 22 ราย และอาจมีจำนวนมากกว่านี้ เนื่องจากรัฐบาลทหารไม่อนุญาตให้มีการตรวจสอบเรือนจำจากองค์กรภายนอก รวมถึงคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC)
นอกจากนี้ อดีตผู้นำพรรค NLD หลายรายที่ถูกคุมขังยังเป็นผู้สูงอายุและต้องการการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง อองซานซูจี ซึ่งปัจจุบันอายุ 79 ปี และถูกตัดสินจำคุก 27 ปี กำลังได้รับการรณรงค์จากลูกชายของเธอเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวเธอ เนื่องในวันเกิดปีที่ 80 ที่จะถึงในวันที่ 19 มิถุนายน
ตั้งแต่รัฐประหารในปี 2021 มีผู้ถูกจับกุมทางการเมืองแล้ว 28,350 คน โดยปัจจุบัน 21,632 คนยังคงถูกควบคุมตัวหรือถูกตัดสินโทษตามรายงานของ AAPP
ที่มา: DVB
ล่าเสี้ยวเตรียมฉลองตรุษจีน กองกำลัง MNDAA ยันไม่ถอนตัว เมืองยังปกติ
เทศกาลตรุษจีนจะจัดขึ้นตั้งแต่ 28 มกราคม จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ในเมืองล่าเสี้ยว รัฐฉานตอนเหนือ ตามประกาศของทีมฟื้นฟูล่าเสี้ยวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่ากองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติมีซู (MNDAA) ถอนกำลังออกจากล่าเสี้ยวเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวของ BBC ที่ใกล้ชิดกับแวดวงทหารปฏิเสธข่าวดังกล่าว โดยระบุว่า “ไม่มีคำสั่งให้ถอนกำลัง และพวกเรายังคงประจำการอยู่ในล่าเสี้ยว เมืองยังคงดำเนินไปตามปกติ”
เมืองล่าเสี้ยวตั้งอยู่ห่างจากเมืองมูเซ ซึ่งเป็นเมืองชายแดนพม่า-จีน 172 กิโลเมตร และอยู่ทางเหนือของเมืองตองจี เมืองหลวงของรัฐฉาน 391 กิโลเมตร
ด้านข้อตกลงหยุดยิง กองทัพเมียนมาและ MNDAA ได้ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 มกราคม ภายใต้การเจรจาที่จีนเป็นตัวกลางในเมืองคุนหมิง นอกจากนี้ กองทัพสหรัฐว้า (UWSA) ได้อนุญาตให้ขนส่งสินค้าผ่านเขตปกครองตนเองว้าไปยังเขตปกครองตนเองโคกั้งของรัฐฉานตอนเหนือเมื่อวันที่ 20 มกราคม
ที่มา: DVB
ภาพ: The Irrawaddy