
สมาชิกวุฒิสภามีมติรับร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองชาติพันธุ์ ตั้ง กมธ. พิจารณาร่างภายใน 30 วัน
เมื่อวานนี้ (17 กุมภาพันธ์ 67) สมาชิกวุฒิสภามีมติเห็นชอบในหลักการ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พร้อมเดินหน้าตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 27 คน เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวภายใน 30 วัน
เสียงส่วนใหญ่เห็นพ้องสนับสนุนให้มีการ คืนสิทธิและคุ้มครองวิถีชีวิต วัฒนธรรม และพื้นที่ดั้งเดิม ที่กลุ่มชาติพันธุ์สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ พร้อมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดการและอนุรักษ์ทรัพยากรของกลุ่มชาติพันธุ์อย่างยั่งยืน โดยคณะกรรมการส่วนหนึ่งนำโดย อังคณา นีละไพจิตร
การเดินหน้าร่างกฎหมายนี้ถือเป็น ก้าวสำคัญในการรับรองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ และช่วยสร้างแนวทางในการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรมในสังคมไทย
อ้างอิง: เครือข่ายสื่อชนเผ่าพื้นเมือง
ภาพ: Senate TV on Youtube

รัฐบาลชั่วคราวรัฐกะเรนนีขยายโครงสร้างปกครอง 16 เมือง เดินหน้าสู่การบริหารแบบไฮบริด
รัฐบาลชั่วคราวรัฐกะเรนนี (Karenni State Interim Executive Council – IEC) ซึ่งเป็นรัฐบาลชั่วคราวที่ก่อตั้งโดยกองกำลังต่อต้านในปี 2023 ประกาศเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ว่า ได้ขยายหน่วยบริหารระดับเมืองจำนวน 16 แห่งในรัฐกะเรนนีและตอนใต้ของรัฐ Shan ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของ Naypyidaw 262 กิโลเมตร ใกล้ชายแดนเมียนมาร์-ไทย
Khu Oo Reh ประธาน IEC ให้สัมภาษณ์กับ DVB ว่า “การบริหารแต่ละเมืองต้องมีผู้หญิงอย่างน้อยหนึ่งคน และตัวแทนเหล่านี้ได้รับเลือกจากชาวบ้านผ่านกระบวนการเลือกตั้ง นอกจากนี้ เรายังมีสมาชิกจากองค์กรปฏิวัติชาติพันธุ์ (Ethnic Revolutionary Organizations) ตั้งแต่ 1-4 คน และตัวแทนภาคประชาชนอีก 4-9 คน ทำให้เกิดโครงสร้างการปกครองแบบไฮบริด”
IEC ได้จัดตั้งหน่วยปกครองเมืองใน Hpruso, Demoso (East), Nanmekhon, Mese, Ywa Thit และ Pekon ซึ่งเมืองหลังนี้อยู่ในรัฐ Shan ตอนใต้ นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งสถานีตำรวจ 16 แห่งในเมืองเหล่านี้
ชาวบ้านใน Demoso เปิดเผยกับ DVB ว่า ปัญหาหลักของโครงสร้างนี้คือการขาดบุคลากรในกระทรวงมหาดไทย ส่งผลให้การให้บริการสาธารณะยังไม่ทั่วถึง แม้ว่าผู้คนจะสามารถเข้าถึงศาลได้ แต่เมื่อคดีความเกี่ยวข้องกับทหาร ประชาชนมักหวาดกลัวที่จะยื่นฟ้อง เนื่องจากทหารมีอาวุธ และเมื่อเรื่องร้องเรียนถูกส่งต่อไปยัง IEC ก็มักได้รับการตอบสนองที่จำกัดเนื่องจากข้อจำกัดด้านบุคลากรและศักยภาพการบริหาร
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ IEC ประกาศว่าผู้มาเยือนและนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางเข้าสู่รัฐกะเรนนีต้องขอใบอนุญาตเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังรายงานว่าในปี 2024 ได้สร้างรายได้กว่า 5.5 พันล้านจ๊าต (ประมาณ 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
ปัจจุบัน IEC มีหน่วยงาน 11 แห่ง รวมถึง 4 หน่วยย่อยภายใต้กระทรวงมหาดไทย ได้แก่ กรมปกครองส่วนท้องถิ่น กรมตรวจคนเข้าเมือง กรมบรรเทาสาธารณภัย กรมตำรวจรัฐกะเรนนี
หลังจากการเปิดฉากโจมตีเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2023 กองกำลังฝ่ายต่อต้านสามารถยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองหลวงรัฐกะเรนนี Loikaw อย่างไรก็ตาม กองทัพรัฐบาลทหารสามารถยึดคืนเมืองได้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ปัจจุบัน IEC ควบคุมพื้นที่ 80% ของรัฐกะเรนนี ซึ่งรวมถึงบางส่วนของรัฐ Shan ตอนใต้
ขณะที่รัฐบาลทหาร Naypyidaw ยังคงควบคุมเมือง Loikaw, Bawlakhe และ Hpasawng
อ้างอิง: DVB English

รัฐบาลทหารเมียนมาร์สั่งแบนเพิ่ม 4 หนังสือ LGBTQ+ ดำเนินคดีเจ้าของสำนักพิมพ์ 4 ราย
กระทรวงสารสนเทศของรัฐบาลทหารเมียนมาร์ประกาศเมื่อวันอังคารว่า ได้สั่งแบนหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ LGBTQ+ เพิ่มอีก 4 เล่ม พร้อมดำเนินคดีกับผู้หญิง 4 รายที่เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ 2 แห่ง ฐานเผยแพร่เนื้อหาที่ถูกมองว่า “ลามก” โดยเมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลทหารเพิ่งประกาศแบนหนังสือ LGBTQ+ ไปแล้ว 10 เล่ม
สื่อของรัฐบาลทหารรายงานเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ว่า
“กระทรวงยังคงเฝ้าติดตามและดำเนินคดีกับบริการจัดพิมพ์และจำหน่ายสิ่งพิมพ์ที่ละเมิดกฎหมายการพิมพ์และการเผยแพร่ (Printing and Publication Law) อย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์”
รายชื่อหนังสือ 4 เล่มที่ถูกแบนล่าสุด ได้แก่ “Personal stylist” และ “I am your baby’s father” โดย Hnaung “Nyo” โดย hAnn และ “AhMoon” โดย North Star
ผู้เขียนถูกกล่าวหาว่าทำให้เยาวชนเมียนมาร์เข้าใจผิด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลทหารไม่ได้ระบุว่าผู้เขียนจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมายหรือถูกตั้งข้อหาทางอาญาหรือไม่
แหล่งข่าวนิรนามจากสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งในย่างกุ้งให้สัมภาษณ์กับ DVB ว่า “อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ไม่สามารถดำเนินการได้เหมือนเดิมอีกต่อไป”
ตามมาตรา 8 ของกฎหมายการพิมพ์และการเผยแพร่ที่ถูกแก้ไข บุคคลใดที่เผยแพร่ พิมพ์ หรือจำหน่ายเนื้อหาที่ถูกมองว่า “ลามก” อาจถูกปรับสูงสุดถึง 3 ล้านจ๊าต (ประมาณ 659 ดอลลาร์สหรัฐฯ)
นับตั้งแต่รัฐประหารในปี 2021 รัฐบาลทหารได้เพิกถอนใบอนุญาตของสำนักพิมพ์อย่างน้อย 13 แห่ง โรงพิมพ์ 10 แห่ง นิตยสาร 1 ฉบับ และสื่ออีก 15 แห่ง
อ้างอิง: DVB English

กองทัพกะเรนนียึดค่าย Taungkatoon ฐานที่มั่นสุดท้ายของกองทัพรัฐบาลทหารบนชายแดนไทย-กะเรนนี
ช่วงเช้าวันที่ 13 กุมภาพันธ์ กองทัพกะเรนนี (Karenni Army – KA) ประสบความสำเร็จในการยึดฐานที่มั่นของรัฐบาลทหารเมียนมาร์ ณ จุดยุทธศาสตร์ 5416 หรือ ค่าย Taungkatoon ซึ่งตั้งอยู่บนชายแดนไทย-กะเรนนี ตามคำแถลงของ พันเอก Phone Naing ผู้บัญชาการสูงสุดของ KA
ค่าย Taungkatoon ถือเป็น ฐานทัพสุดท้ายของกองทัพรัฐบาลทหารเมียนมาร์บนแนวชายแดนไทย-กะเรนนี
KA เปิดฉากโจมตีเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ โดยใช้ ปืนใหญ่และโดรน ขณะที่รัฐบาลทหารตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศ พันเอก Phone Naing เปิดเผยว่า มีทหารรัฐบาลทหารราว 40 นายประจำการอยู่ที่ค่ายดังกล่าว
“เราบุกเข้ายึดและกวาดล้างพื้นที่ ค่ายนี้เคยเป็นของเรา แต่รัฐบาลทหารเข้ายึดไป เราโจมตีด้วยโดรนและปืนใหญ่ จนพวกเขาต้านทานไม่ไหวและต้องล่าถอย นี่เป็นค่ายสุดท้ายของรัฐบาลทหารบนชายแดน ขณะนี้ไม่มีค่ายของพวกเขาเหลืออยู่อีกแล้ว” พันเอก Phone Naing กล่าว
มีความเป็นไปได้ที่ทหารรัฐบาลทหารจะได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปะทะครั้งนี้ และ KA สามารถยึดอาวุธ กระสุน และยานพาหนะจากค่ายได้บางส่วน
ค่าย Taungkatoon ตั้งอยู่บนยอดเขา และเคยเป็นฐานที่มั่นของกองทัพกะเรนนีมาก่อน แต่ถูกกองทัพเมียนมาร์โจมตีและยึดครองไปเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว ตามคำอธิบายของพันเอก Phone Naing
“เป้าหมายของเราคือการควบคุมรัฐกะเรนนีทั้งหมด แต่มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เราไม่ได้ต้องการแค่พื้นที่เดียว แต่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลทหารทั่วทั้งรัฐกะเรนนี” พันเอก Phone Naing กล่าว โดยทหารรัฐบาลทหารที่ถอยร่นบางส่วนได้ลี้ภัยไปยังค่าย Loisammone ซึ่งตั้งอยู่บนชายแดนไทย-รัฐ Shan ติดกับรัฐกะเรนนี
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2023 KA เปิดฉากโจมตีค่าย Maelayu ในเมือง Shardaw บนชายแดนไทย-กะเรนนี ซึ่งทำให้ทหารรัฐบาลทหารจากกองพันที่ 134 ต้องละทิ้งฐานที่มั่น และ KA สามารถยึดอาวุธ ระเบิด ยานพาหนะ และรถจักรยานยนต์จำนวนมาก
ทหารบางส่วนที่หลบหนีจากค่าย Maelayu ได้รวมตัวกันใหม่ที่ค่าย Taungkatoon ซึ่งขณะนี้ก็ตกอยู่ในมือของ KA แล้ว
อ้างอิง: Radio Free Asia

กองทัพรัฐบาลทหารยิงปืนใหญ่ถล่มชาวบ้านใน Nyaungshwe ดับ 2 ราย เจ็บ 2 ราย
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 17.00 น. กองทัพรัฐบาลทหารเมียนมาร์และกองทัพปะโอ (Pa-O National Army – PNA) ได้ยิงปืนใหญ่เข้าใส่หมู่บ้าน Taungpotwel ในเมือง Nyaungshwe ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กอายุเพียง 10 ขวบ ตามรายงานขององค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งภูมิภาคอินเล (Human Rights of Inle Region – HRIR)
ชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า มีการยิงปืนใหญ่ ประมาณ 12 นัดจากเมือง Pekhon โดยมี 6 นัดตกลงกลางหมู่บ้าน ทั้งที่ในพื้นที่ไม่ได้มีการปะทะกัน
“ไม่มีการสู้รบ พวกเขายิงปืนใหญ่เข้ามาแบบไร้ทิศทาง ประมาณ 12 นัด มีคนถูกลูกหลง 4 คน และ 2 คนเสียชีวิต” ชาวบ้านกล่าว
เหยื่อผู้เสียชีวิตได้แก่ เด็กชายอายุ 10 ขวบ เสียชีวิตจากบาดแผลที่ศีรษะและหลัง ชายวัย 40 ปี เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ นอกจากนี้ยังมี ชายและหญิงวัย 40 ปีอีก 2 คนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่บ้านเรือนหลายหลังได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด
ตามแถลงการณ์ของ HRIR กองกำลังรัฐบาลทหารเมียนมาร์และกองทัพปะโอได้ยิงปืนใหญ่ เข้าใส่เมือง Nyaungshwe แบบไม่เลือกเป้าหมาย แม้ในพื้นที่จะไม่มีการสู้รบ ซึ่งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 8 ราย รวมถึงเด็ก และบาดเจ็บมากกว่า 10 คน
จากการโจมตีที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ชาวบ้านต่างหวาดกลัวและบางส่วนต้องอพยพหนีไปยังพื้นที่ปลอดภัย
อ้างอิง: Kantarawaddy Times
ภาพ: Burma News International

เมียนมาร์ร์ปล่อยตัวชาวโรฮิงญาเกือบ 1,000 คน ท่ามกลางแรงกดดันคดีอาชญากรรมปี 2017
เมียนมาร์ร์ปล่อยตัวชาวโรฮิงญาเกือบ 1,000 คน ท่ามกลางแรงกดดันคดีอาชญากรรมปี 2017
รัฐบาลทหารเมียนมาร์ได้ปล่อยตัว ชาวโรฮิงญาที่ถูกจองจำเกือบ 1,000 คน ตามรายงานของกลุ่มสิทธิมนุษยชนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นับเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในการแสดงท่าทีเชิงบวกต่อชนกลุ่มน้อยที่ถูกกดขี่
รัฐบาลทหารยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการปล่อยตัวครั้งนี้ และไม่มีการให้เหตุผลว่าเหตุใดพวกเขาจึงได้รับอิสรภาพ อย่างไรก็ตาม การปล่อยตัวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจาก ศาลในอาร์เจนตินาออกหมายจับผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาร์และเจ้าหน้าที่ทหารอีก 22 นาย ฐานก่ออาชญากรรมต่อชาวโรฮิงญาในการกวาดล้างเมื่อปี 2017
“ชัดเจนว่ารัฐบาลทหารต้องการปกปิดอาชญากรรมที่พวกเขาก่อขึ้นต่อชาวโรฮิงญา” Thike Htun Oo สมาชิกอาวุโสของเครือข่ายนักโทษการเมืองเมียนมาร์ (Political Prisoners Network Myanmar) กล่าว
“พวกเขาปล่อยตัวชาวโรฮิงญาออกจากคุกทันทีหลังจากศาลในอาร์เจนตินาออกหมายจับ เราต้องตระหนักถึงเรื่องนี้” เขากล่าวกับ Radio Free Asia เมื่อวันจันทร์
ผู้ถูกปล่อยตัวจำนวน 936 คน รวมถึง 267 ผู้หญิงและ 67 เด็ก ส่วนใหญ่ถูกจับกุมหลังจาก รัฐบาลทหารก่อรัฐประหารในปี 2021
พวกเขามีกำหนดเดินทางโดยเรือจากเมืองย่างกุ้งไปยัง เมืองหลวงของรัฐยะไข่ เมืองซิตตเว (Sittwe) ทางตะวันตกของเมียนมาร์
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลทหารได้เข้าไปในเรือนจำ Insein ในย่างกุ้งเพื่อออกเอกสารระบุตัวตนให้กับชาวโรฮิงญาที่ถูกปล่อยตัว แต่ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่าเอกสารดังกล่าวเป็นประเภทใด
รายละเอียดเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ทำให้พวกเขาถูกจำคุกในตอนแรกยังไม่ชัดเจน แต่มีกระแสคาดการณ์ว่าหลายคนถูกลงโทษ ฐานละเมิดข้อจำกัดด้านการเดินทาง
Radio Free Asia พยายามติดต่อ โฆษกกรมราชทัณฑ์และสำนักงานรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ของเมียนมาร์เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยตัวครั้งนี้ แต่ไม่ได้รับคำตอบ
ชาวโรฮิงญาส่วนใหญ่อาศัยอยู่ใน รัฐยะไข่ และถูกปฏิเสธสัญชาติ ถูกมองว่าเป็นผู้อพยพจากเอเชียใต้ ไม่ใช่ชนพื้นเมืองของเมียนมาร์ตามรัฐธรรมนูญของประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ
อ้างอิง: Radio Free Asia

กองทัพอาระกันเปิดฉากโจมตีฐานปืนใหญ่ 344 ของกองทัพเมียนมาร์ในอิระวดี
กองทัพอาระกัน (AA) และกองกำลังพันธมิตรร่วมกันเปิดฉากโจมตีฐานปืนใหญ่หมายเลข 344 ของกองทัพเมียนมาร์ ใกล้เมือง Nga Thine Chaung ในเขต Ye Kyi ของภาคอิระวดี ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ตามรายงานจากแหล่งข่าวด้านความมั่นคงและชาวบ้านในพื้นที่
ปัจจุบัน กองทัพอาระกันได้ระดมยิงปืนใหญ่เข้าไปยังแนวป้องกันของฐานดังกล่าว ขณะที่กองทัพเมียนมาร์ตอบโต้ด้วยการยิงปืนใหญ่และใช้เฮลิคอปเตอร์โจมตีทางอากาศ ตามแหล่งข่าวด้านความมั่นคงรายหนึ่ง
“ฐานปืนใหญ่อยู่ที่หมู่บ้าน Myauk San กองทัพอาระกันกำลังโจมตีแนวป้องกันของฐาน ส่วนกองทัพเมียนมาร์ใช้เฮลิคอปเตอร์เป็นหลักในการโจมตีตอบโต้ ขณะนี้ยังมีทหารอาสาสมัครจากพื้นที่ Kyun Pyaw ถูกส่งเข้ามาเสริมกำลังในฐานนี้เป็นจำนวนมาก” แหล่งข่าวระบุ
ฐานปืนใหญ่ 344 มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เนื่องจากตั้งอยู่บริเวณแนวชายแดนระหว่างรัฐยะไข่และภาคอิระวดี ควบคุมเส้นทางสู่เทือกเขา Kyauk Rho Ma
ฐานดังกล่าวอยู่ห่างจากเมือง Nga Thine Chaung ประมาณ 15 ไมล์
ชาวบ้านใน Nga Thine Chaung เริ่มอพยพไปยังเมือง Ye Kyi และพื้นที่ปลอดภัยใกล้เคียง
ชายคนหนึ่งในพื้นที่ให้สัมภาษณ์ว่า “เสียงปืนใหญ่ดังสนั่น ฐานปืนใหญ่ 344 กำลังถูกโจมตี ชาวบ้านที่นี่อยู่ห่างจากฐานเพียง 15 ไมล์ หลายคนเริ่มอพยพไปอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัย ตอนนี้ทหารเมียนมาร์ได้ตั้งจุดตรวจอย่างเข้มงวดที่ปั๊มน้ำมันในเมือง”
จนถึงขณะนี้ กองทัพอาระกันและกองกำลังพันธมิตรยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการสู้รบครั้งนี้
กองทัพอาระกันและพันธมิตร เริ่มปฏิบัติการรุกในภาคอิระวดีตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 โดยมีการปะทะในหลายพื้นที่ รวมถึง เมือง Pathein, Ye Kyi และ Thabaung
ปัจจุบัน กองทัพอาระกันสามารถยึดด่านตรวจสำคัญ เช่น ด่านตรวจ Beida, หมู่บ้าน Makyizin, หมู่บ้าน Baumi และหมู่บ้าน Kyauk Khaung ซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่นของกองทัพเมียนมาร์ได้แล้ว
อ้างอิง: Myanmar Peace Monitor