Everyday Everywhere All at once
And yet ……
เช้าวันที่ 10 มีนาคม เราได้รับจดหมายจากชายแดน
“อย่างที่เราทั้งหลายรู้กัน กองทัพพม่าบุกเข้ามาและการสู้รบกับกองกำลังป้องกันตนเองของคนกะเรนนีก็เกิดขึ้นทุก ๆ วันในหลายพื้นที่ ทั่วทั้งรัฐกะเรนนี พวกเขาเสริมกำลังเข้ามาได้ 2-3 สัปดาห์แล้ว และคาดว่าจะใช้ทุกเส้นทางสัญจรที่มีอยู่ เพื่อบุกเข้ามาในรัฐของเรา
สถานการณ์ที่อำเภอเดโมโซตะวันออกตึงเครียดขึ้นทุกวัน สำนักงานการศึกษาของเราที่เคยอพยพไปยัง “ที่ปลอดภัย” เมื่อ 2-3 เดือนก่อน ถึงเมื่อวานนี้ก็ไม่ปลอดภัยแล้ว ทหารพม่าราว 400 คนเข้ามาใกล้ และเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง เจ้าหน้าที่ของเราต้องระมัดระวังและพร้อมที่จะหนี
เมื่อเย็นวาน และเช้าวันนี้ การสู้รบเคลื่อนมาถึงหมู่บ้านดอเนี่ยกู่ ชาวบ้านทั้งที่อยู่ในหมู่บ้านตัวเอง และคนที่พลัดถิ่นมาครั้งแล้วครั้งเล่า ต่างก็เก็บข้าวของ พวกเขาพร้อมที่จะอพยพอีกครั้ง
โรงเรียนจำนวนมากในพื้นที่ปิดชั่วคราว เราไม่รู้เลยว่าที่ไหนบ้าง เพราะการสื่อสารเป็นไปได้ยากมาก ตอนนี้การสู้รบเกิดในระยะห่างสำนักงานเราไปแค่ระยะขี่รถ 20-30 นาที เจ้าหน้าที่ทุกคนของเรากลับไปอยู่กับครอบครัวเพื่อที่ว่าหากมีการอพยพ พวกเขาจะไม่พรากจากกัน
เมื่อเวลามาถึง สำนักงานเราก็จะต้องย้ายไปอยู่ที่ใหม่ ถึงตอนนี้สำนักงานการศึกษาทุกแห่งยังต้องทำงานอยู่ เราต้องทำงานอย่างเงียบที่สุด การพบปะต้องทำเป็นกลุ่มเล็ก ๆ หรือต้องออกไปให้พ้นเขตกะเรนนี เพื่อไม่ให้เป็นที่จับตามองของทหารพม่า….”
หมู่บ้านดอเนี่ยกู่เคยเป็น “เขตปลอดภัย” ซึ่งผู้พลัดถิ่นจากอำเภอลอยก่อเดินทางมาตั้งค่ายพักอาศัยอยู่ด้วย และทำให้โรงเรียนเล็ก ๆ ที่มี ต้องขยับขยาย เพื่อรับเด็กพลัดถิ่น รวมเป็นนักเรียนกว่าห้าร้อย และประชากรรวมราว 1,500 คน
ก่อนหน้านี้ เมื่อกลางกุมภาพันธ์ โรงเรียนในค่ายพักผู้พลัดถิ่นซึ่งมีนักเรียนร่วมสี่ร้อยในประชากรกว่าพันก็ต้องอพยพโดยเร่งด่วน เร่ร่อนไปหาที่พักใหม่ เริ่มต้นจากศูนย์ในสภาพที่ไม่เหลือแม้หลังคากันแดดกันน้ำค้าง
“ทหารพม่ายิงปืนใหญ่เข้าใส่ชุมชนตลอดวัน เราก็จำเป็นต้องหนี” คือคำบอกเล่าของชาวบ้านต่อสำนักข่าวกันธรวดีของกะเรนนี
ล่าสุด พื้นที่ด้านตะวันออกของรัฐกะเรนนีแทบไม่มีผู้คนหลงเหลือ สองปีหลังรัฐประหาร ทั้งรัฐกะเรนนีที่มีประชากรทั้งหมดสามแสนกว่าคน สองในสามคือผู้พลัดถิ่นฐาน
เครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์กองทัพพม่าขนส่งกำลังพล อาวุธ และเสบียงเข้าสู่พื้นที่ ขณะนี้ กองทหารพม่ากำลังตีวงล้อม ทั้งจากเหนือ ใต้ และตะวันตกเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยสุดท้ายของชาวบ้าน ติดชายแดนไทย
แล้ว การดำเนินนโยบายต่างประเทศกับรัฐเพื่อนบ้านที่ปกครองโดยคณะทหารผู้เข้าข่ายอาชญกรสงครามก็จะยังดำเนินไปดังเดิม ? นโยบายไม่รับและไม่มีผู้ลี้ภัยใหม่ของไทยก็จะยังคงเหมือนเดิม ? แล้วปฏิบัติการการข่าว ก็จะยังยึดโยงใจความเดิมว่า นี่เป็นเพียงการจัดการภายในที่ไม่เกี่ยวข้อง และไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติไทยและภูมิภาค
อยู่อย่างเดิม ?
Everyday Everywhere Yet We Do the Same?
14 มีนาคม 2566
ภาพประกอบ จาก Kareni Tweets