โดย ทิวา พรหมสุภา มิ.ย. 2552
ศุกร์ที่ 5 มิถุนายน ตอนสาย เด็ก ๆเล่อป่อเฮอข้ามแม่น้ำมาเมืองไทยแล้ว…
ตลอดวันนั้นทั้งวันที่เรานั่งทำงาน กินข้าว ดื่มกาแฟ พูดโทรศัพท์ งีบหลับ อ่านหนังสือ ฯลฯ เรือเล็ก ๆสี่ลำกำลังทำหน้าที่ขนชาวบ้านนับพันอพยพมาประเทศไทย รอบแล้วรอบเล่า
วันก่อนหน้า ได้ข่าวว่า ครูนอดาพาเด็กในความดูแลกว่า 40 คนจากหมู่บ้านจิโพคีข้ามมาหลบอยู่ในวัดไทย จิโพคีอยู่ในเขตอิทธิพลของดีเคบีเอ ครูนอดาเคยพาเด็ก ๆวิ่งหลบลูกกระสุนมาก่อนแล้วหลายครั้ง แม้ว่าแกมักล้อเลียนตัวเองว่าเป็นคนขี้ขลาด ได้ยินเสียงปืนทีไรก็ร้องไห้ตัวสั่นงันงก … ครูนอดาตัวจริงของวันนี้ ก็คือแม่ไก่ที่กางปีกปกป้องลูกเจี๊ยบพาดั้นด้นข้ามน้ำเชี่ยวมาสู่ที่ปลอดภัยอย่างกล้าหาญ
สงครามเข้าใกล้มาเต็มที ลูกปืนใหญ่ตกลงไม่ไกลจากบ้านผู้ใหญ่บ้าน เด็กบางคนไม่อยากเข้าใจและรับรู้ แต่หลายคนก็ขวัญผวา โดยเฉพาะคนที่เคยยืนน้ำตานองอยู่ฝั่งไทย มองโรงเรียนถูกเผาเป็นเถ้าถ่านมาก่อน
ส่วนใหญ่ พวกเขาเคยเห็นภาพนั้นมาแล้ว มากกว่าหนึ่งครั้ง
ข่าวการสู้รบระหว่างกองทัพพม่าร่วมด้วยกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ(ดีเคบีเอ) กับกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) จนส่งผลให้มีผู้ลี้ภัยมาฝั่งไทย 3-4000คน เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่ไม่ได้รับความสนใจมากนัก
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนที่ติดตามข่าวสารชายแดน เราหลายคนอ่านข้อมูลลักษณะนี้จนชิน และชา แม้จะรู้ทั้งรู้ว่ามันโหดร้ายสำหรับคนที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์นั้นปานใด
ถ้าพูดกันในเชิงข้อมูลเชิงวิเคราะห์ ก็อาจต้องเริ่มต้นด้วยการฉายภาพว่า เล่อป่อเฮอคือหมู่บ้านตั้งใหม่ของคนที่ถูกทำให้พลัดถิ่นฐาน ชาวบ้านบางคนย้ายมาจากเล่อป่อเฮอเดิมที่อยู่ไม่ไกลนัก บางคนโยกย้ายมาจากที่อื่น และล่าสุดก็ยังมีคนที่เพิ่งหนีการเกณฑ์ทหารและลูกหาบของดีเคบีเอมาพักอยู่ด้วย
พื้นที่ดังกล่าวสงบงามมาเกือบสิบปี โรงเรียนเล่อป่อเฮอที่ขยายแล้วขยายอีกกลายเป็นสถานศึกษาขั้นสูงสำหรับเด็ก ๆจากหมู่บ้านในเขตอิทธิพลของดีเคบีเอที่มักมีโรงเรียนชุมชนถึงเพียงชั้นป. 2 การอยู่ได้อย่างมั่นคงของเล่อป่อเฮอ คงเป็นเรื่องที่วิเคราะห์วิพากษ์ไปได้หลายรูปแบบ เพราะมีทั้งประเด็นการทำความตกลงกันในระดับเคเอ็นยูและดีเคบีเอท้องถิ่น ไปจนถึงความสัมพันธ์แข็งแกร่งระหว่างประชาชนหรือเครือญาติที่ตัดกันไม่ขาด แม้ว่าในยุคหนึ่ง พวกเขาจะเคยเห็นการแตกหักชนิด “พี่ฆ่าน้อง” “น้องฆ่าพี่” กันมาแล้ว
แต่เนื่องจากบทความนี้ไม่ใช่บทวิเคราะห์ และไม่มีวัตถุประสงค์จะให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์แก่งานวิชาการใด ๆ ภาพเล่อป่อเฮอที่จะบรรยายให้เห็น จึงเป็นเพียงหมู่บ้านกะเหรี่ยงริมน้ำเมยที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่ง
และเด็ก ๆที่นั่น ก็เพียงเป็นเด็ก ๆที่สวยงามที่สุดของโลกกลุ่มหนึ่ง
หมู่บ้านเล่อป่อเฮอ อยู่ริมเส้นขอบแดนซึ่งคือแม่น้ำเมยอันถูกกำหนดให้เป็นพรมแดนประเทศ บ้านไผ่ใต้ถุนสูงหลังคาตองตึง ปลูกกระจายตัวห่าง ๆต่างกับกระท่อมในค่ายผู้ลี้ภัยที่แออัดยัดเยียด นี่คือเหตุผลที่คนที่นี่เลือกที่จะไม่เข้าค่าย อยู่ที่เล่อป่อเฮอ พวกเขาใช้ชีวิตได้อย่างเสรี เลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ ทอผ้า ปลูกผัก ทำไม่ได้เพียงอย่างเดียวคือปลูกข้าว เพราะรอบ ๆหมู่บ้านเป็นสนามกับระเบิดที่เคเอ็นยูวางไว้ป้องกันกองทัพพม่าหรือดีเคบีเอ
เล่อป่อเฮอมีหาดทรายและโขดหินที่ร้อนระอุในยามกลางวัน หนาวเหน็บถึงสะท้านได้ในยามกลางคืน และสดชื่นที่สุดในยามเช้า หน้าหนาว ลำน้ำทั้งสายห่มด้วยไอหมอกขาวตั้งแต่ฟ้าแจ้งจนแดดจ้า ในขณะที่หน้าแล้ง น้ำจะตื้นใสจนใครต่อใครก็อยากลงดำผุดดำว่าย และในหน้าฝนอย่างนี้ สายน้ำก็ขยายสูงจนเกือบเอื้อมแตะได้จากชานบ้าน
โรงเรียนเล่อป่อเฮอชั้นประถมเป็นเพียงโรงไม้หลังคาตองตึง กั้นระดับชั้นด้วยกระดานดำผุ ๆพัง ๆ แต่ห้องเรียนของเล่อป่อเฮอหอมกลิ่นแม่น้ำ และเป็นห้องเรียนที่หัวเราะได้ ร้องเพลงได้ และเต้นระบำได้ ครูหลายคนเป็นขบถหัวใหม่และนักดนตรีชั้นดี เด็ก ๆจึงกล้าทำกล้ารับผิดชอบ และยังหัดเขียน เล่น ร้องเพลงกันเป็นแถว
..นี่คือเล่อป่อเฮอ.. และเมื่อเราพูดถึงผู้ลี้ภัยราวพันจากเล่อป่อเฮอ รวมถึงอีกสองพันจากหมู่บ้านใกล้เคียง เราจึงกำลังหมายรวมถึงพ่อเฒ่าแม่เฒ่า ผู้หญิงท้องแก่ คู่รักวัยรุ่น เด็กน้อยมอมแมม ทารกแบเบาะ แม่ของลูกชาย พ่อของลูกสาว พี่ น้อง เพื่อนของใครบางคน และหลายคน
เมื่อเราพูดถึงคนลี้ภัย เราจึงกำลังพูดถึงคนที่ต้องสะกดใจ ข่มอารมณ์ กัดริมฝีปากเก็บข้าวของเท่าที่เก็บได้ ขณะที่พยายามทำใจว่าสิ่งที่ไม่สามารถหยิบติดไปก็คงต้องถูกทำลายเป็นจุล บ้านที่เคยอยู่และโรงเรียนที่เคยเรียนเคยสอนอันเปี่ยมไปด้วยความทรงจำทั้งหวานชื่นและขมขื่นอาจต้องถูกเผา หมู่บ้านนี้ผืนดินนี้ อาจไม่ได้กลับมาเห็นอีกแล้ว ชั่วชีวิต
และ เมื่อเราพูดถึงคนที่กำลังหลบภัยอยู่ในหมู่บ้านกะเหรี่ยงฝั่งไทย แออัดกันในวัด โบสถ์ โรงเรียน และกระท่อมพักของชาวบ้าน เรากำลังหมายรวมถึง …
กลุ่มเด็กผู้หญิงที่วิ่งไล่จับผีเสื้ออยู่ที่สนามหน้าหอพัก เหล่าทโมนที่อยากจะง่วนจับกบหาปลามากกว่าท่องหนังสือ, แก็งเด็กจิ๋วที่เดินร้องเพลงคริสต์มาสตามบ้านเพื่อแลกกับขนมวันเทศกาลทุกปี, แม่เฒ่านักด้นธา (บทกวี) ระดับปรมาจารย์ที่ปกาเกอะญอเชียงใหม่ยังต้องคารวะ, เด็กชายหน้าจิ้มลิ้มปากแดงที่ขาขาดเพราะกับระเบิด, เด็กชายวัยรุ่นที่ทั้งแสบและขี้แยได้อย่างไม่น่าเชื่อ, เด็กหญิงนักแสดงจาก “บทเพลงของแอ้โด้ะฉิ” ที่หลายคนหลงรัก และอื่น ๆ
อื่นๆ
อื่นๆ อีกมากมาย