กว่า 20 ปีแล้ว ที่อองซาน ซู จี หญิงผู้ได้รับเลือกจากประชาชนชาวพม่าให้เป็นผู้นำในการบริหารบ้านเมือง ถูกรัฐบาลทหารพม่าควบคุมตัวและยึดอำนาจปกครองประเทศพม่าด้วยระบอบเผด็จการมาอย่างยาวนาน จนเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา รัฐบาลทหารพม่าได้จัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นครั้งแรกในรอบ 20 ปี การเลือกตั้งครั้งนี้เปิดโอกาสให้ประชาชนในพม่าได้ฝากความหวังไว้กับอองซาน ซู จี อีกครั้ง แต่อองซาน ซู จี กลับถูกปล่อยตัวหลังการเลือกตั้งแล้วเสร็จ
ถึงแม้พรรคสหภาพเอกภาพและการพัฒนา หรือ ยูเอสดีพี จะเป็นผู้กำชัยในการเลือกตั้ง แต่คนทั่วโลกต่างรู้ดีว่ารัฐบาลทหารเดิมยังคงถือเชือกกุมบังเหียนการปกครองอยู่ และชัยชนะครั้งนี้ก็ได้มาด้วยกลโกงสกปรกมากมาย หนึ่งในนั้นคือการไม่ให้โอกาสผู้หญิงทั้ง 30 คนที่ลงสมัครเป็นผู้แทนราษฎร ได้มีส่วนร่วมบริหารบ้านเมืองเลยสักคน นั่นเป็นเพราะผู้หญิงไม่มีความรู้ความสามารถทัดเทียมผู้ชาย หรือเพียงเพราะพวกเธอเป็นผู้หญิง นี่ยังเป็นข้อสงสัยที่ทั่วโลกต้องการคำอธิบาย
การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นทำให้ผมคิดถึงเรื่องแม่ไก่ขัน ส่วนใหญ่เรามักเห็นแต่ไก่ตัวผู้ที่ขัน แต่การที่แม่ไก่จะลุกขึ้นมาขันนั้นไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คนกะเหรี่ยงเราเชื่อว่าการที่แม่ไก่ขันนั้นเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ ถือเป็นลางบอกเหตุว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับหมู่บ้าน ดังนั้นเมื่อมีแม่ไก่ตัวไหนขันมันจะถูกฆ่า แต่ผมกลับคิดว่าถ้าหากแม่ไก่ตัวนั้นสามารถรับรู้ถึงสิ่งไม่ดีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตแล้วขันเตือนเรา ควรหรือที่เราจะฆ่าแม่ไก่นั่น
เรื่องราวของแม่ไก่เปรียบเหมือนกับเหตุการณ์จริงที่เกิดจากการปกครองระบอบเผด็จการในประเทศพม่า ที่ผ่านมาผู้ชายจะมีหน้าที่เป็นผู้นำทั้งในระดับส่วนกลางและท้องถิ่น ผู้หญิงมีหน้าที่ทำงานบ้านดูแลลูก ทั้งที่ในความเป็นจริง มีผู้หญิงที่มีความรู้ความสามารถและมีจิตใจที่กล้าหาญกว่าผู้ชายอยู่ไม่น้อย จนกระทั่งปัจจุบันผู้ชายที่เคยเป็นผู้นำต่างถูกรัฐบาลทหารทำร้ายกดขี่ข่มเหงต่าง ๆ นา ๆ บ้างก็ถูกฆ่าตาย เมื่อไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าที่จะทำหน้าที่นี้ ในที่สุดผู้หญิงก็ต้องเป็นผู้นำแทน ผู้หญิงเหล่านี้ถือว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถและความกล้าหาญอย่างยิ่งที่รับหน้าที่เป็นผู้นำหมู่บ้าน ท่ามกลางการกดขี่ข่มเหงจากรัฐบาลทหารพม่า และเพราะพวกเธอเหล่านี้ชาวบ้านในหลายหมู่บ้านจึงได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
เราจะเห็นได้ว่าผู้ชายมีความภูมิใจในพละกำลังของตัวเองที่มีเหนือกว่าผู้หญิง เชื่อว่าตัวเองสามารถจับอาวุธต่อสู้ได้ดีกว่าผู้หญิง แต่ผมกลับเห็นว่าการต่อสู้ของผู้หญิงนั้นเป็นการต่อสู้ด้วยหัวใจ ไม่ถือแนวทางแห่งความรุนแรง ซึ่งเป็นประโยชน์มากกว่าการรบที่ใช้อาวุธมากนัก ทุกวันนี้ที่ประเทศพม่าผู้หญิงได้ลุกขึ้นมาทำงานให้แก่ชาติบ้านเมือง เหมือนแม่ไก่ที่ลุกขึ้นมาขันจนดวงตะวันมาเยือน และถึงแม้ว่าแม่ไก่ที่ลุกขึ้นมาขันจะถูกจับกักตัวไว้หรืออาจถูกฆ่าทิ้ง แต่ทว่าเสียงของมันจะยังคงดังอยู่จนรุ่งสางมาเยือนอีกครั้ง
เรื่องราวเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจเราว่า ผู้หญิงสามารถทำงานเพื่อสังคม นำความสุข ความเจริญและสันติสุขมาสู่ประเทศชาติได้… ขอให้แม่ไก่ขันพากลางวันมามอบความสุขให้แก่เรา เพื่อที่กลางคืนจะได้หยิบยื่นฝันดีให้เรายามนิทรา