บันทึกประจำวันจากโรงเรียน ‘ผีเสื้อ’ ที่ริมน้ำเมย

บันทึกประจำวันจากโรงเรียน ‘ผีเสื้อ’ ที่ริมน้ำเมย

| | Share

บันทึกประจำวันจากโรงเรียน ‘ผีเสื้อ’ ที่ริมน้ำเมย

ผมออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ การตื่นเช้ากว่าปกติแสดงว่าเราต้องเดินทางไกล ผมยังไม่รู้ว่าเราจะไปที่ไหนจนปาปาขับรถมาถึงท่าน้ำ แล้วเราก็ต้องนั่งเรือเพื่อเดินทางต่อ  ผู้ใหญ่ช่วยกันขนของ มีทั้งนมกล่อง ขนม อาหารแห้ง ยาสามัญประจำบ้าน ยากันยุง และมุ้ง  ยากันยุงจำเป็นมากเพราะช่วงนี้ฝนตกมากและมียุงเยอะ 

ผมรู้ว่าเราน่าจะไปส่งสิ่งของช่วยเหลือที่หมู่บ้านไหนสักแห่งที่เรือกำลังพาผมล่องตามลำน้ำเมยไป  ผมร้อนมากเพราะต้องใส่เสื้อกันฝนและเสื้อชูชีพ  ตอนเรือแล่นมันเอียงนิดหน่อย ผมก็เลยพยายามทรงตัว 

พอมาถึงท่าเรือ ผมต้องรอให้คุณลุงผูกเรือก่อนถึงจะลงได้  เท้าที่ก้าวลงไปโดนทรายดูด  มันดูดจนมิดเท้าผมเลย  ผมต้องพยายามดึงเท้าขึ้นและพยุงตัว  จังหวะที่ผมพยายามก้าวขึ้นตลิ่ง ผมเห็นผีเสื้อสีแดงดำ สีขาวนวล สีเหลืองอ่อน และสีฟ้าอมเขียว ทั้งที่เกาะอยูบนโป่งทรายเล็ก ๆ ริมหาด และอีกเยอะมาที่บินวนอยู่รอบ ๆ ตัว  พวกเราตื่นเต้นมากและพยายามถ่ายรูปกัน โมพูดขึ้นมาว่า “เราจะเรียกโรงเรียนนี้ว่า โรงเรียนผีเสื้อ” 

โรงเรียนอยู่ที่ริมน้ำเมย แต่เราต้องเดินตามเนินเขาเข้าไปตามทางเล็ก ๆ เด็ก ๆ วิ่งกรูกันลงเนินมาตรงที่ผมอยู่  พี่ ๆ น้อง ๆ ทั้งเด็กเล็กเด็กโตใส่ชุดกะเหรี่ยงมาช่วยยกของ  พอขึ้นไปถึงข้างบน ผมเห็นธงกะเหรี่ยงหน้าอาคารหลังเล็ก ๆ  มีเด็ก ๆ กำลังเรียน  เราบอกกับครูและเด็ก ๆ ว่ามีอะไรมาฝาก เด็ก ๆ ดีใจมาก ผมเองก็รู้สึกดีที่ได้เอายากันยุงกับยาให้เพราะที่โรงเรียนมียุงเยอะ และมีเด็กไอ 

ผมกับพี่หง่าไปดูแท็งค์เก็บน้ำของหมู่บ้าน  ข้างในนั้นไม่มีน้ำ  แต่มีขยะเพราะในพื้นที่ห่างไกลจัดการขยะไม่ค่อยดี  ผมว่าการแก้ไขต้องเริ่มที่การทำความเข้าใจเรื่องขยะ และการลงมือทำอาจต้องเริ่มตั้งแต่ตอนที่หมู่บ้านยังมีคนย้ายเข้ามาไม่มาก  เพราะผมได้ยินครูคุยกับปาปาว่า “หลายครอบครัวย้ายมาไกลจากเขตผาปูน”  ผมเคยไปผาปูน จำได้ว่าไกลมาก ทั้งเดินทางรถ ทางเรือ และต้องเดินเท้า ผมเคยดูสารคดีผีเสื้ออพยพย้ายถิ่น  บางชนิดเดินทางไกลหลายพันกิโลเมตร  เด็กที่ต้องอพยพมาเรียนที่นี่เดินทางมาไกลเช่นเดียวกัน  

ผมต้องลาจาก “โรงเรียนผีเสื้อ” ทั้งที่มาถึงได้ไม่นาน ท้องฟ้ามืดครึ้มและฝนจะตก  ผมนั่งเรือต่อเพื่อเดินทางกลับ และอยู่ ๆ ฝนก็ตกหนักลงมา  ผมต้องใส่เสื้อกันฝนและมัดให้แน่นเพราะลมแรง แต่ฝนก็ซึมเข้ามาจนได้  ผมไม่ชอบเลย แต่ยังรู้สึกดีที่คุณลุงคนขับเรือพาเรามาแวะกินข้าวกลางวันที่นำ้ตกขนาดย่อม ๆ ซึ่งไหลลงแม่น้ำเมย  มีคนกำลังจับปลา พะตีเอาปลานำ้เมยที่จับได้มาแบ่งให้  เราก็เลยเอาปลาไปแกง  ปลาเนื้อแน่นและสดมาก  การเดินทางคราวนี้สนุกมากและผมคิดว่าจะได้มีโอกาสไปอีก

ด.ช. โปโป

วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม 2565 
ภาพประกอบ โรงเรียนในชุมชนริมน้ำเมยที่ต้อนรับดูแลผู้อพยพหลบหนีสงครามจากจังหวัดข้างเคียงในรัฐกะเหรี่ยง ถ่ายโดยครอบครัวโปโป

Related