ไทยจะต้องเป็นมิตรกับประชาชนพม่าทุกชาติพันธุ์
เสาร์ที่ 27 มี.ค 64 รัฐบาลไทยส่งผู้แทนเข้าร่วมการเฉลิมฉลองวันกองทัพเมียนมาที่กรุงเนปิดอว์ ไทยเป็นเพียงหนึ่งใน 8 ประเทศที่ยืนอยู่เคียงข้างคณะรัฐประหารพม่า ร่วมกับจีน รัสเซีย อินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ เวียดนาม และลาว
ในวันเดียวกันนั้น และในระหว่างที่พิธีการดังกล่าวกำลังดำเนินอยู่ กองทัพพม่าได้ดำเนินการเข่นฆ่าประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตย จนมีผู้เสียชีวิตทั้งหมดในวันเดียวอย่างน้อย 114 คน ใน 40 เมือง ยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากการปราบปรามผู้ไม่ยินยอมอยู่ภายใต้อำนาจทหารเพิ่มสูงเป็นกว่า 400 คน
ในวันเดียวกัน เช่นกัน เมื่อฟ้าเริ่มมืด กองทัพพม่าก็ดำเนินการโจมตีทางอากาศต่อหมู่บ้านเดปู่โน่ จังหวัดมื่อตรอ รัฐกะเหรี่ยง อย่างน้อย 3 รอบ ตลอดทั้งคืน หมู่บ้านถูกไฟเผา ชาวบ้านหนีตายเข้าหลบซ่อนในป่า มีรายงานผู้เสียชีวิตเบื้องต้นอย่างน้อย 3 คน และยังไม่สามารถยืนยันยอดผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต หรือความสูญเสียอื่นได้
การร่วมฉลองวันกองทัพพม่าของรัฐไทย ในขณะที่รัฐบาลออสเตรเลีย แคนาดา เดนมาร์ก เยอรมัน กรีซ อิตาลี ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ สหรัฐ และสหราชอาณาจักร ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ประณามคณะรัฐประหารพม่า และยืนยันว่า “กองทัพอาชีพจะต้องรับผิดชอบ และปฏิบัติตามมาตรฐานสากลในการคุ้มครองประชาชน มิใช่ทำร้ายประชาชนที่ตนจะต้องรับใช้” คือการแสดงออกถึงการสนับสนุนคณะรัฐประหารพม่าโดยไม่ใส่ใจสายตาชาวโลก และเจตจำนงของประชาชนไทยที่ถือว่าประชาชนพม่าทุกชาติพันธุ์เป็นมิตรอีกครั้ง หลังจากที่มีประเด็นการต้อนรับร.ม.ต.จากคณะรัฐประหาร การอำนวยความสะดวกให้กับการขนส่งข้าว 700 กระสอบให้ฐานทัพพม่า และการติดป้ายประกาศชายแดนอ.แม่สายให้ “เฝ้าระวัง” ผู้ต่อต้านคณะรัฐประหารราวกับว่าคนเหล่านี้คืออาชญากร
ล่าสุด ขณะที่ชาวบ้านเดปู่โน่ ซึ่งเป็นชุมชนศูนย์กลางของจังหวัดมื่อตรอในเขตกองพลที่ 5 ของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU – Karen National Union) ต้องอพยพหลบหนีเอาชีวิตรอดอยู่ในป่า ชาวกะเหรี่ยงในมื่อตรอที่อยู่ใกล้ฝั่งไทยรวมถึงค่ายผู้พลัดถิ่นแอ้ดูท่า ก็ได้เคลื่อนเข้าใกล้เขตแดนไทยเมื่อกลางดึก จนกระทั่งข้ามมาฝั่งไทยกว่า 3000 คนในบ่ายวันอาทิตย์ที่ 28 มี.ค.นี้ เนื่องจากกองทัพพม่าได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่อง
แม้การโจมตีดังกล่าวจะถูกมองว่าเป็นการตอบโต้การที่ KNU ยึดคืนฐานทัพพม่าได้ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่แท้จริงแล้ว การสู้รบในมื่อตรอก็ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 และทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นหลังรัฐประหารเมื่อกองทัพพม่าส่งกำลังพลเพิ่มเข้าในพื้นที่จนเกิดการปะทะกันตลอดเวลา ทั้งในเขตจังหวัดมื่อตรอ ดูเสอะทู่ เคล่อลุยทู่ และดูปลายา สำหรับมื่อตรอที่การสู้รบหนักหน่วงที่สุด มีรายงานว่ามีผู้ที่ต้องพลัดถิ่นฐาน ทิ้งบ้าน วัวควาย เรือกสวนไร่นาไปหลบซ่อนอยู่ในป่าอยู่แล้วอย่างน้อย 8,000 คน
การโจมตีครั้งใหญ่ล่าสุด มีแต่จะทำให้จำนวนผู้พลัดถิ่นซึ่งมาอออยู่บริเวณชายแดน และอาจจำเป็นต้องข้ามมาหลบภัยในไทยทวีคูณ ในขณะที่ KNU และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น เช่น KNPP หรือพรรคก้าวหน้าแห่งชาติกะเรนนี ก็ได้รับเอานักการเมือง นักเคลื่อนไหว สื่อมวลชน ข้าราชการพร้อมครอบครัวมาหลบภัยอยู่ในความคุ้มครองแล้วร่วมพันคน โดยคาดว่าจะเพิ่มเป็นหลายพันในเดือนเม.ย.นี้
ประเทศไทยและพม่านั้นเป็นประเทศเพื่อนบ้าน และผู้ที่เป็น “เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง” ของเราก็คือประชาชนพม่าทุกชาติพันธุ์ หาใช่คณะรัฐประหารหรือกองทัพพม่าไม่
ในนามของประชาชนไทยที่ถือตนเป็นมิตรประชาชนพม่าทุกชาติพันธุ์ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยไม่วางตนเป็นปฏิปักษ์กับประชาชนพม่า ไม่ให้การสนับสนุนอันไร้ความจำเป็นต่อกองทัพที่ประหัตประหารประชาชน และแสดงเจตนารมย์ รวมถึงให้คำมั่นอย่างชัดเจน ที่จะให้ที่พักพิงอันปลอดภัยแก่ประชาชนทุกกลุ่มที่หลบหนีการประหัตประหารข้ามพรมแดนมา โดยยึดมั่นในกฎจารีตประเพณีของสากลโลกในการไม่ผลักดันผู้ลี้ภัยกลับไปสู่อันตราย
ทั้งนี้ เรา ในฐานะมิตรของประชาชนพม่าทุกชาติพันธุ์ ยังขอเรียกร้องให้รัฐบาลนานาชาติที่ประณามการก่ออาชญากรรมของรัฐบาลพม่า ได้ให้ความสำคัญต่อการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ผู้พลัดถิ่นฐานในประเทศ และสนับสนุนบทบาทรัฐบาลไทยในการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ผู้ลี้ภัยด้วยเช่นกัน
รัฐบาลไทยจะต้องปฏิบัติต่อประชาชนพม่าทุกชาติพันธุ์และทุกกลุ่มอย่างเป็นมิตร ประชาชนไทยและประชาชนพม่าคือผู้อาศัยอยู่ร่วมกันบนแผ่นดินนี้ ความปรารถนาในสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยมิใช่อาชญากรรม หากเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์
28 มีนาคม 2564
ภาพประกอบเหตุการณ์จาก Thoolei News และ Karen Women’s Organization
หมายเหตุ
กรุณาแสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานการเคารพในเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และระมัดระวัง “ความผิดฐานหมิ่นประมาท” ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ประมวลกฎหมายอาญา ฯลฯ
