(English language below)
เสียงจากชุมชนบนดอยสูง ชายขอบรัฐกะเหรี่ยง ติดประเทศไทย
ผมได้เห็นคนเป็นแสนออกมาต่อต้านรัฐประหาร ประชาชนเหล่านี้รู้ดีว่า กองทัพพม่าไม่มีสิทธิจะทำแบบนี้ และข้ออ้างทุกอย่างเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ
ที่หมู่บ้านของเรา ชาวบ้าน ครู นักเรียน เราเฝ้าดูข่าวทางอินเตอร์เน็ต (ไทย) ไม่มีใครอยากให้มิน อ่อง หล่ายและพวกได้เป็นรัฐบาลหรอก ถึงเราจะไม่เคยลงคะแนนให้เอ็นแอลดี (พวกเราส่วนใหญ่ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง) และไม่เคยชอบรัฐบาลเอ็นแอลดี เราก็ไม่ต้องการกลับมาเป็นผู้พลัดถิ่นในประเทศตัวเอง หรือเป็นผู้ลี้ภัยในประเทศไทยอีกแน่ ๆ
ประเด็นก็คือ กลุ่มชนชาติต่าง ๆ ต้องการสิทธิเพื่อการกำหนดชะตากรรมตัวเอง เรารู้ว่า ถ้ามิน อ่อง หล่ายควบคุมทุกอย่างได้ เขาจะตอบโต้เราด้วยการส่งทหารเข้ามาเพิ่ม แล้วเราก็ต้องหลบหนีสงครามกันอีก กองทัพพม่าต้องการควบคุมชนชาติพันธุ์ทั้งหมด เขาไม่ได้มองเราเป็นคนเหมือนกัน เขาจึงทำร้ายหรือฆ่าเราได้ง่าย ๆ ยังกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนที่เอ็นแอลดีชนะการเลือกตั้งในปี 2015 มันเป็นชัยชนะของคนพม่าจำนวนมาก แต่พวกเรา คนกะเหรี่ยงในพื้นที่ชายแดน ไม่รู้สึกอะไรด้วยเลย คราวนี้ก็เหมือนกัน ผลการเลือกตั้งจะเป็นยังไง เราก็ไม่รู้สึกอะไรด้วย เพราะที่ผ่านมามันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมาก
ตลอดห้าปีนี้ มีการสู้รบและการกดขี่ข่มเหงในรัฐกะเหรี่ยงหรือว่าบ้านของกลุ่มชนชาติอื่น ๆ อยู่บ่อย ๆ เคเอ็นยูลงนามในข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ (Nationwide Ceasefire Agreement) แล้ว แต่กองทัพพม่าก็ไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตัวเองเสนอ เราไม่เคยเชื่อเขาได้ ดังนั้นจึงเกิดสงครามอยู่หลายแห่ง คนมากมายต้องพลัดถิ่นฐาน ที่ผมอยู่นี้ไม่มีการสู้รบ แต่เราก็ไม่ได้จะมั่นใจเต็มร้อยว่ามันจะไม่เกิด สัญญาหยุดยิงที่นี่หมายความว่า รัฐบาลพม่าจะสามารถส่งครูของเขาเข้ามาในพื้นที่เรา หรือส่งความช่วยเหลือมาให้โรงเรียนเรา แล้วก็ในที่สุดก็ยึดเอาโรงเรียน (กะเหรี่ยง)เราไปเป็นโรงเรียนเขา (รัฐบาลพม่า) ได้ นอกจากนี้ พอพื้นที่เปิด ธุรกิจไทย จีน พม่าก็เข้ามาได้ตามสะดวก โดยเฉพาะธุรกิจทำไม้นั่นแหละ ทรัพยากรถูกเอาไปแต่ชาวบ้านไม่ได้อะไร มีแต่ผืนดินที่แห้งแล้งมากขึ้น
พูดตามตรง ผมก็รู้ว่า ถ้าคราวนี้ทหารพม่าแพ้ และเอ็นแอลดีได้เป็นรัฐบาล มันก็เป็นไปได้ว่าทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม คนกลุ่มเดิมจะได้ทำหน้าที่เป็นรัฐบาล แล้วเราก็ต้องเจอปัญหาเดิม ๆ ผมเลยไม่กล้าคาดหวังมาก เพราะผมไม่ได้เชื่ออะไรพวกเขามาก
แต่ ยังไงก็ตาม ถ้าผมอยู่ในเมืองอย่างพะอันละก็ ผมก็จะไปเข้าร่วมขบวนการดื้อแพ่งของพลเมืองแน่นอน เพราะผมเชื่อว่า รัฐบาลของซูจีที่มีคนเลือกมาก็ยังดีกว่ารัฐบาลของมิน อ่อง หล่าย ถ้าหากประชาชนชาติพันธุ์ต่าง ๆ ร่วมมือกันขับไล่เผด็จการออกไปได้ รัฐบาลเอ็นแอลดีใหม่อาจจะทำได้ดีกว่าเดิม
ผมยังหวังจะมีรัฐบาลพลเรือนที่เป็นพลเรือนจริง ๆ ไม่ใช่อยู่ใต้ทหาร พวกเขาควรจะรู้แล้วว่า กองทัพพม่าจะร้ายกาจได้แค่ไหนถ้าเราปล่อยให้เขายังมีอำนาจอยู่แม้น้อยนิด ดังนั้น เราต้องทำให้เขาแพ้และหมดอำนาจไปจริง ๆ ถ้ากองทัพไม่มีอำนาจควบคุม เราก็อาจจะต่อรองจนได้รัฐธรรมนูญที่กลุ่มชนชาติมีสิทธิ์มีเสียงเท่ากับคนพม่าได้ ที่สำคัญ สงครามในพม่าก็จะยุติได้ เพราะกองทัพชนเผ่านั้นตั้งขึ้นมาโดยมีหน้าที่เพื่อปกป้องประชาชน ไม่มีหน้าที่ไปรุกรานใคร ถ้ารัฐบาลไม่ส่งทหารเข้ามารบ มันก็จะไม่มีการสู้รบ นี่คือเบื้องต้นที่สุดที่เราต้องการ
Voices from the mountains,
on the edge of Karen state, close to Thailand
I saw hundreds of thousands of people were standing against the coup. The people knew well that the Burmese military has no right to do what they did. All the excuses were ridiculous.
Here in our village, the villagers, teachers, and students watch the news from the (Thai) internet. No one wants Min Aung Hlaing and his men as a government. We never vote for NLD (most of us do not have the right to vote) and were not very happy with the NLD government. But we do not want to be displaced people in our own country or be refugees in Thailand again.
The ethnic nationalities demand their rights to self-determination. We know that if Min Aung Hlaing controlled everything, he will reply to our demands by sending more troops in the areas, and we will have to run for our lives again. The military wants to control all ethnic groups. They do not see ethnic people as human, so they can treat us badly and can kill us easily as if nothing happens.
When NLD won the election in 2015, it was a victory for many Burmans. But we, the Karen people in border areas feel nothing. This time (2020) too. We feel nothing about the election result because nothing much has changed since the first election.
For the past five years, there have been fightings and oppression in Karen State and in homelands of other ethnic people. KNU has already signed the National Ceasefire Agreement, but the Burmese army did not follow the rules which they themselves proposed and agreed upon. We couldn’t trust them. So the war is ongoing in many places and many people were internally displaced. Here there was no fighting but we could never be sure that it would not happen. Ceasefire here meant that the Myanmar government could try to send their teachers in our area, or send supports to our schools in order to finally replace our (Karen) schools with theirs. Moreover, when the area is accessible, Burmese, Chinese, and Thai business groups, especially loggings, can come in easily. Local resources were taken away from here but the villagers did not get any benefit. They were left with droughts.
To be straight, I know that if the military loses the battle and NLD becomes a government, it’s possible that things will be the same as before. It could be the same people in the government and we will face the very same problem. I dare not have high expectations because I don’t believe much in them.
However, if I live in a town like Pa-an, I will surely join the civil disobedience. Okay, at least, Suu Kyi’s elected government must be better than Min Aung Hlaing’s. If ethnic people join hands and can chase the military out, the new NLD government may do better than they did in the last term.
I still hope for a better civilian government. I hope we have a real civilian government, not the one that is under the control of the military. They should have been clear now how bad the military can be if we allow them to have even only some power. So, we must make the military loses power for real. If the military does not have so much power, we may be able to deal and get a constitution that guarantees our equal rights and voices. The most important thing is the war will stop. The ethnic armies were established to protect the people. They don’t have duties to wage war with anyone. If the government does not send troops to fight them, then there is no war. This is the very first thing we want