เรื่องเล่าของชาวบ้านจากชุมชน ซึ่งตกเป็นเป้าการโจมตีทางอากาศ
จังหวัดมื่อตรอ รัฐกะเหรี่ยง
หนึ่งใน “เสียง” ที่ร่วมออกอากาศในช่วงเวลากว่า 5 ชม.ของวันผู้ลี้ภัยโลก
หนึ่งในเหตุผลว่าทำไมไทยจึงไม่ควรงดออกเสียงเพื่อมติสหประชาชาติว่าด้วยการห้ามค้าอาวุธกับคณะทหารพม่า
“….. เราหลบอยู่ที่นั่นจนบ่าย แล้วฉันก็ได้ยินเสียงเครื่องบินสำรวจ ครั้งนี้คือของจริงแล้วสิ เพราะลูกไม่ขุดหลุมให้ ฉันก็เลยต้องมาหลบแบบนี้ ! หลังจากเครื่องบินไป เรากลับไปอาบน้ำที่บ้าน ฉันเตรียมหม้อกับข้าวสารเต็มหนึ่งหม้อไปด้วย เพราะพรุ่งนี้เราคงไม่กล้ากลับมาเอาข้าวสารแล้ว
เราไปถึงที่หลบภัยได้ไม่นานก็มืด แล้วเครื่องบินก็มาอย่างไม่ทันตั้งตัว
1-2-3 ทิ้งระเบิดตูม!
ตอนเด็ก ๆ ฉันเคยได้ยินเสียงปืน ฉันเคยวิ่งหนีทหารพม่า และฉันก็กลัวมาก แต่ฉันไม่เคยกลัวอะไรมากขนาดนี้มาก่อน ชาวบ้านลูกหลานที่ไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้ พอได้ยินเสียงปืนเสียงระเบิดก็ร้องห่มร้องไห้ แม้แต่คนที่ขุดหลุมเตรียมตัวมาอย่างดีก็วิ่งหนีมาหาเรา ที่ชะง่อนหินนั้น ไม่นานนักก็มีคนมาเพิ่มเต็มไปหมด ทั้งคนป่วย คนเจ็บ ผู้คนอัดเต็ม คนบาดเจ็บร้องโอดโอย บางคนร้องดังมาก
ชาวบ้านบางคนคิดว่าต้องหนีต่อไปอีก เขาไปกันต่อมืด ๆ แบบนั้น ลูกหลานฉันวิ่งเตลิดตามเขาไป ฉันตามพวกเขาไม่ทันเพราะมัวแต่แบกก๋วยกับข้าวสาร ตอนนั้นมืดแล้ว ฉันไม่มีไฟฉาย ต้องค่อย ๆ ต้องเดินขึ้นดอย พอได้ยินเครื่องบินมาใกล้ก็ลงนั่งนิ่ง มองมันไปบินมา พอเครื่องบินไปไกล ฉันก็เริ่มเดินใหม่
ฉันเดินไปทางลำห้วย มุ่งหน้าไปต้นน้ำ ตรงนั้นปกติมันไม่ใช่ทางเดิน ยิ่งกลางคืนและไม่มีไฟฉายก็ยิ่งยาก ฉันเริ่มปวดขาปวดแขน แต่ก็ค่อย ๆ อดทนเดินไปจนถึงผาหินใหญ่ที่หลบภัย มีผู้คนมากมายที่นั่น
ฉันไม่รู้ว่าพวกเขามาจากไหน มาก่อนฉันได้ยังไง
คืนนั้น เรานอนกันตรงนั้น วันรุ่งขึ้นเราย้ายออก ลูกหลานของฉันพอได้ยินคนบอกจะไปต่อ เขาก็รีบตามไปทันที ส่วนฉันนั้นช้ากว่าคนอื่นเสมอ มีคนบอกว่าใครจะไปที่ริมสาละวิน ให้ตามเขาไปได้ เขาบอกว่าถ้าเราไปถึงที่สาละวินในช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างนี้ น่าจะหาหนทางช่วยเหลือได้ แต่ฉันพยายามไปตามหาลูกทางด้านบน แล้วก็เจอพวกเขาหลบอยู่ในถ้ำลึกมาก เรานอนที่นี่ 2-3คืน หุงข้าวไปแค่ 3ลิตรสำหรับทั้งครอบครัวกับพยาบาลฝึกหัดอีก 5 คนก็ยังกินไม่หมด เพราะทุกคนเครียดจนกินไม่ลง พวกเด็กผู้หญิง เด็กเล็ก ๆ ไม่กล้าออกมาจากถ้ำเลย ตอนกลางคืนที่เครื่องบินมา พวกเขากลัวกันมาก
อยู่ได้สักพักหลายคนก็เริ่มมีผื่นคันเพราะอยู่ในถ้ำนานเกินไป เราเริ่มคุยกันว่าจะต้องไปต่อ และคิดว่า น่าจะไปที่ริมน้ำสาละวินเลย ชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่า ..พวกเราไม่ได้ไปตามลำพังหรอก พระเจ้าอยู่กับเรา เราจะขอพรว่า หากพระองค์อยากให้เราได้ไปถึงสาละวิน เราก็จะไปถึง ถ้าไม่อยากให้เราไป พระองค์ก็จะขัดขวางไม่ให้เราได้ไปถึง
วันรุ่งขึ้น เราหนีต่อไปด้วยกัน เวลาสามวันในถ้ำทำให้เราคิดอะไรไม่ออกและสิ้นหวัง จะทำยังไง ข้าวสารก็ไม่มีแล้ว ที่ติดตัวคือเสื้อผ้าชุดที่ใส่เท่านั้น
แต่ในที่สุด ด้วยพระพรของพระเจ้า เรามาถึงที่ริมแม่น้ำสาละวิน แม้จะไม่มีข้าวสารเหลือ ก็มีคนเอาข้าวสารมาช่วยเรา
เรามาหลบอยู่ที่ริมแม่น้ำฝั่งไทย เรารู้ว่าคงอยู่นานนักไม่ได้ เราได้ยินว่าเจ้าหน้าที่ไทยจะมา ซึ่งพวกเขาก็มาจริง ๆ เขาบอกว่าให้เราหลบอยู่ชั่วคราวก็ได้ แต่อย่าตัดต้นไม้ต้นไผ่ เราจึงหาเศษไม้เศษไผ่เก่า ๆ มาทำเพิงพัก แต่ผ่านไป 2-3วัน ก็มีคนบอกว่า นี่ไม่ใช่ที่ที่ผู้นำของเรา (KNU) เตรียมให้เรา เราจะอยู่นานไม่ได้ ถ้าเราไม่กล้ากลับถึงบ้าน ก็ต้องข้ามไปอยู่ริมน้ำฝั่งรัฐกะเหรี่ยง
เราข้ามกลับกลับไป แต่แล้วก็มีเครื่องบินมาสำรวจอีก หลายคนกลัว เราจึงข้ามไปฝั่งไทยอีกครั้ง ข้ามไปข้ามมาแบบนี้ ….”
หมายเหตุ : ชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวหนีข้ามแม่น้ำสาละวินทางตอนเหนือ มาพบกับต.ช.ด.และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไทย และได้รับอนุญาตให้พักอยู่ได้นานพอสมควร จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาแจ้งให้กลับไปเมื่อต้นเดือนมิ.ย.
ภาพวิดีโอจาก Karen Peace Support Network (KPSN) เพื่องานวันผู้ลี้ภัยโลก ท่านที่ต้องการใช้ภาพวิดีโอนี้ กรุณาติดต่อ inbox เพื่อนไร้พรมแดน
Video by KPSN for World Refugee Day 2021 event. Please inbox Friends Without Borders if you want to use it on your platform.