เมื่อวานนี้ เฮลิคอปเตอร์กลับมาอีกแล้ว
เมื่อวันก่อน ตอนนั้นยังมืดสนิทอยู่ แต่แม่ของฉันก็เขย่าปลุกโดยแรง ความงัวเงียหายไปทันทีที่ฉันเข้าใจว่า เครื่องบินจะมาทิ้งระเบิด และเราต้องหนีกันแล้ว
ฉันตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แม้จะเคยคิดอยู่แล้วว่า วันแบบนี้จะต้องมาถึง ไม่ช้าก็เร็ว ค่ายพักผู้พลัดถิ่นริมขอบรัฐกะเรนนีไม่ได้ปลอดภัยเต็มร้อย เพราะมันมีค่ายทหารพม่ารายรอบอยู่ไม่ไกลนัก
ทีแรกฉันพาแม่และน้องวิ่งหนีไปหลบในบังเกอร์ที่เราขุดกันไว้ แต่บนท้องฟ้าก็ยังเงียบ สักพักเมื่อตั้งสติได้ ฉันจึงวิ่งกลับมาเก็บอาหารแห้ง ยา เสื่อ น้ำ ผ้าห่ม และเอกสารสำคัญลงเป้ และไล่ตามนักเรียนที่เก็บของให้กลับไปหลบภัยใหม่ด้วยกัน
เครื่องบินมาถึงแต่เช้าตรู่ และระเบิดก็ลงดังสนั่นตอนประมาณสิบโมง พวกเรากลัวจนตัวสั่น หลายคนร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่มีใครเคยได้ยินเสียงระเบิดที่หล่นจากท้องฟ้ามาก่อน ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าสมองของฉันคิดว่าอะไรในตอนนั้น
เมื่อมันเงียบเสียง พวกเราก็หนีเข้าประเทศไทย คนแก่และเด็ก ๆ เข้าไปอยู่ในศูนย์กักตัวใกล้กับค่ายผู้ลี้ภัยในสอย แต่ฉันและคนหนุ่มสาวอีกหลายคนกลับออกมาหลบอยู่ในป่า มีคนอีกไม่น้อยที่ยังหลบอยู่ในป่า และชาวบ้านที่หนีสงครามที่เมืองลอยก่อก็กำลังเดินทางมา
สิ่งที่ฉันกังวลที่สุดขณะนี้คือเรื่องของอาหารการกินและความปลอดภัย ฉันหวังว่า หากสถานการณ์เลวร้ายกว่านี้ คนไทยและเจ้าหน้าที่ไทยจะอนุญาตให้พวกเรา ผู้รอดชีวิตจากสงคราม ได้หลบภัยในประเทศไทยกันทั้งหมด และหวังว่ารัฐบาลประเทศต่าง ๆ จะช่วยออกมาพูด และพยายามทำอะไรเพื่อหยุดยั้งกองทัพพม่าบ้าง
เฮลิคอปเตอร์กลับมาอีกแล้ว ….
เรื่องเล่าของหญิงสาวกะเรนนี
12 มกราคม 2565