เมื่อคนข้างบ้านเป็นอาชญากร
บ่ายวันที่ 16 ก.ย. 2565 ขณะที่เด็ก ๆ กำลังวิ่งเล่นอยู่ในสนามโรงเรียนชุมชนในอำเภอเดปายิน มณฑลสะกาย ประเทศพม่า ครูของพวกเขาได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพพม่าที่เริ่มกระหึ่มเข้าใกล้ และกรีดร้องให้ทุกคนวิ่งเข้ามาหลบในโรงเรียน
พวกเขาหนีไม่ทัน เฮลิคอปเตอร์ Mi 35 ที่ผลิตจากรัสเซียยิงจรวดเข้าใส่เด็ก ๆ ที่กำลังวิ่งหนี มีเด็กเสียชีวิตทันที 11 คน บาดเจ็บอีกกว่าสิบ ผู้เสียชีวิตที่ตัวเล็กที่สุดอายุเพิ่ง 7 ขวบ จรวดถูกยิงออกมาอย่างน้อย 3 ครั้ง ตามด้วยปืนกล และการขนกำลังทหารโดยเฮลิคอปเตอร์อีกแบบส่งเข้าโจมตีภาคพื้นดิน ซึ่งมีผู้ใหญ่เสียชีวิตเพิ่มอีก 5 คน
อดีตทหารอากาศที่หันมาเข้าร่วมเรียกร้องประชาธิปไตยกับประชาชนตั้งแต่หลังรัฐประหาร 1 ก.พ. 2564 ให้ข้อมูลว่า การโจมตีนี้จะต้องใช้เฮลิคอปเตอร์บินสูงไม่เกิน 300-400 เมตร และนักบินจะต้องมองเห็นเด็ก ๆ ที่กำลังวิ่งอยู่ในสนามก่อนการโจมตี เนื่องจากสภาพเป็นทุ่งโล่ง
ปลายมิ.ย 2565 การรุกล้ำน่านฟ้าพร้อมสาดกระสุนของเครื่องบินรบพม่าตกเป็นข่าว ตามมาด้วยคำออกตัวของรัฐบาลไทยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็ก ๆ ของเพื่อนที่บังเอิญเผลอเดินตัดสนามหญ้า กับทัศนะสังคมบางส่วนที่สนับสนุนแนวคิด “กองทัพพม่ากับไทยคือเพื่อนกัน” โดยสิ่งที่กองทัพพม่าทำเป็นเพียงการ “ปราบปรามชนกลุ่มน้อยอยู่ในบ้านตัวเอง”
การมองภาพ “เพื่อนบ้าน” ในเชิงอำนาจโดยปราศจากมุมมนุษย์ ได้ข้ามผ่านข้อเท็จจริงที่ว่า สำหรับประเทศหนึ่งใดก็ตาม กองทัพและรัฐบาลย่อมเป็นคนส่วนน้อยที่มาแล้วย่อมไป (ไม่ว่าจะพยายามยึดกุมอำนาจไว้นานเพียงไร) ขณะที่ “ประชาชน” จะคือเพื่อนบ้านอยู่ข้างเคียงกันไปชั่วลูกหลาน โดยในกรณีนี้ กองทัพข้างบ้านก็กำลังเข่นฆ่าประชาชนซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน และส่วนหนึ่งก็คือญาติพี่น้องของคนในชุมชนชายแดนไทย
การใช้เครื่องบินรบไล่ล่าพลเรือนไร้อาวุธตามแนวชายแดนที่แฉลบเข้ามาสาดกระสุนบนไร่นาชาวบ้านเรานั้นมีผู้บาดเจ็บ ล้มตาย และสูญเสียจริง ไม่ควรถูกเปรียบเทียบเป็นเรื่องล้อเล่น เช่น “เพื่อนบ้านฉีดน้ำรดต้นไม้ข้ามกำแพงมาโดนรถเราที่เพิ่งล้าง ก็ไม่ต้องโมโหจนฉีดน้ำกลับใส่” โดยเด็ดขาด
รัฐไหน ๆ ก็คงไม่ต้องการไปทะเลาะกับอาชญากรสงครามที่สะสมอาวุธไว้เต็มมือ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกอดคอสนับสนุนการก่ออาชญากรรม อดีตทหารอากาศพม่าผู้หันมายืนอยู่ข้างประชาชน ได้ประกาศถึงพี่น้องทหารของเขาผ่านทางสื่อมวลชนว่า “ท่านไม่อาจแม้แต่จะเรียกตนเองว่าเป็นมนุษย์ หากท่านยังคงกระทำตามคำสั่งคณะทหารที่ป่าเถื่อนและเข่นฆ่าพลเรือนผู้บริสุทธิ์อยู่ จงมองให้เห็นความจริงและถอนตัวออกมาเสียโดยเร็ว จงหลีกเลี่ยงการก่ออาชญากรรมที่จะหลอกหลอนท่านไปตลอดชีวิต”
จงหลีกเลี่ยงการสนับสนุนอาชญากรรมสงครามที่จะหลอกหลอนประเทศของท่านไปชั่วลูกชั่วหลาน
25 กันยายน 2565
ภาพประกอบจาก The Irrawaddy และ AFP
อ้างอิง : Myanmar Military Defector Reveals How Junta Killed Sagaing School Kids, The Irawaddy English, 25/09/22