สื่อมวลชนที่เข้าไปพบผู้ลี้ภัยถูกทางการไทยจับกุม
รายงานข่าวของสื่อมวลชนที่ว่า ทีมผู้สื่อข่าวที่เข้าไปพบผู้ลี้ภัยถูกเจ้าหน้าที่ไทยจับระหว่างทางออก โดยมีการกักตัวไว้สอบสวนอยู่เป็นเวลานานนั้น เป็นเรื่องที่น่าห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง
ตลอด 5 วัน เจ้าหน้าที่ได้ตั้งด่านปิดกั้นทุกเส้นทางที่จะเข้าถึงผู้ลี้ภัย ปิดกั้นเส้นทางความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม และไม่ยินยอมให้โลกภายนอกได้ติดต่อกับผู้ลี้ภัย ด้วยข้ออ้างโควิดและความมั่นคง แม้ว่าผู้ลี้ภัยกำลังขาดแคลนอาหารและของใช้จำเป็นในระดับวิกฤต
การให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมไม่ใช่อาชญากรรมที่ต้องกระทำโดยหลบ ๆ ซ่อน ๆ และทำให้ไปถึงเป้าหมายได้ล่าช้าเกินการณ์ เช่นเดียวกัน การปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญของสื่อมวลชนในการนำความจริงมาเผยแพร่ให้กับสาธารณชน ไม่ใช่อาญากรรม
หากรัฐไทยปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยถูกต้องเหมาะสมดังที่ได้แถลงต่อสื่อมวลชนเป็นประจำทุกวันแล้ว ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องปิดกั้นการเข้าถึงของบุคคลภายนอก สื่อมวลชนที่เข้าพื้นที่ไปย่อมจะพบแต่ข้อเท็จจริงดังเช่นแถลง และมาตรการป้องกันโควิด-19 ในสภาพการณ์ดังกล่าว เป็นเรื่องไม่ซับซ้อนหรือยากเกินจะกระทำได้เลย
เพื่อนไร้พรมแดนขอเป็นกำลังใจให้กับสื่อมวลชนทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างกล้าหาญ ในฐานะเสาหลักเสาหนึ่งของสังคมสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยเสมอมา
2 พฤษภาคม 2564
ภาพประกอบ : ผู้ลี้ภัย ณ ปัจจุบัน ถ่ายโดย ชาวบ้านสาละวิน
