ผู้ลี้ภัยกับโควิด

ผู้ลี้ภัยกับโควิด

| | Share

ผู้ลี้ภัยกับโควิด

ภาพปฏิบัติการนี้แชร์กันแพร่หลายจากทวิตเตอร์ของกรมประชาสัมพันธ์ ทหารพรานเข้าไปพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด 19 หลังจากที่ผลักดันผู้ลี้ภัยจากอีตู่ท่ากลับไปฝั่งรัฐกะเหรี่ยง

เพื่อนไร้พรมแดนจะไม่วิพากษ์วิจารณ์รูปแบบการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อดังกล่าวว่ามีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อหรือไม่ หากขอตั้งข้อสังเกตว่า การประชาสัมพันธ์เช่นนี้มีขึ้นเพื่อตอบสนองความหวาดระแวงหรือสายตาที่มองว่า “ผู้ลี้ภัย = โควิด” โดยที่ไม่ทราบหรือสนใจในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพื้นที่เลย 

ตรงกันกับที่ผ่านมา ที่เจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงบางท่านโต้เถียงอยู่ในโซเชียลมีเดียว่า คนที่เรียกร้องให้รับผู้ลี้ภัยเข้าประเทศนั้น “ไม่กลัวโควิดหรือ” ราวกับว่าหากว่าผู้ลี้ภัยติดเชื้อโควิดมาแล้ว เราจะสบายใจกับการปล่อยให้เขาบาดเจ็บล้มตายจากระเบิดหรือกระสุนปืนใหญ่กันได้ ?

เป็นความจริงที่ว่า ไวรัสโควิด 19 ได้แพร่กระจายในประเทศพม่า/เมียนมาอย่างกว้างขวาง หากจังหวัดมื่อตรอ รัฐกะเหรี่ยง คือพื้นที่ชนบทป่าเขา และชุมชนที่ต้องพลัดถิ่นอันเนื่องจากการโจมตีของกองทัพพม่านี้ ก็เป็นชุมชนชาวกะเหรี่ยงบนดอย ใช้ชีวิตอยู่ห่างไกลเมือง โดยเฉพาะเมื่อประกอบด้วยสงครามความขัดแย้งที่แทบไม่เคยสร่างซา ก็ยิ่งแทบไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กับคนในเมืองพม่ามาตั้งแต่ก่อนโควิดระบาดอยู่แล้ว

คนในมื่อตรอที่น่าจะเสี่ยงกับการติดเชื้อโควิด จึงคือทหารพม่าซึ่งถูกส่งเข้ามาเพิ่มจากเขตอื่น ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังรัฐประหาร 1 ก.พ. อาจรวมถึงทหารพม่าที่ข้ามมาฝั่งไทยในระหว่างการจัดการเรื่องข้าว 700 กระสอบเมื่อเดือนก่อนนี้ด้วย

สำหรับผู้ลี้ภัยกว่าสองพันคนริมฝั่งแม่น้ำสาละวินนั้น ถือว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะมีเชื้อโควิด 19 มาจากมื่อตรอ  พวกเขามีความเสี่ยงที่จะติดโควิดจากคนไทย มากกว่าที่จะเป็นผู้นำเชื้อมาติดเราหลายเท่า  

อันที่จริงแล้ว ผู้ลี้ภัยน่าจะตั้งด่านวัดอุณหภูมิและแปะป้ายขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย รวมถึงคนไทยที่อยากไปส่งมอบความช่วยเหลือ (หากมีวันหนึ่งที่ได้รับอนุญาต) ต้องใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ก่อนที่จะเข้าไปหาพวกเขาด้วยซ้ำ !

13 เมษายน 2564

Related