ปฏิบัติการ “ทำความเข้าใจ” เพื่อการกลับโดย “สมัครใจ” แบบไทย ๆ
…มนุษย์ทั้งปวงเกิดมาด้วยอิสระและเสมอภาคกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ พวกเขาได้รับการประสิทธิ์ประสาทให้มีเหตุผลและมโนธรรมสำนึก และควรปฏิบัติต่อกันฉันพี่น้อง… (ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อที่หนึ่ง)
“ตอนพวกเรามาถึง ทหารพรานที่ฐานแม่สะเกิบบอกว่า เราจะอยู่กันเกะกะริมแม่น้ำสาละวินให้คนผ่านไปผ่านมาเห็นไม่ได้หรอก ให้เดินขึ้นไปข้างบน ที่นั่นจะมีห้วยมีน้ำใช้ด้วย พวกเราจึงเดินตามกันไปเป็นชั่วโมงจนถึง “โกล้ป่า” (ไทยเรียกว่าแม่อูมปะ) แล้วก็พักกันอยู่ที่นั่น แต่เมื่อวาน ทหารที่มาจากท่าตาฝั่งกลับบอกว่า นี่..พวกคุณเข้ามาลึกในประเทศไทยแบบนี้ได้ยังไง เดี๋ยวเถอะจะโดนข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย เข้ามาไม่มีบัตรมีใบอะไร ถูกจับได้นะ พวกเราก็ไม่รู้จะว่ายังไง เจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งบอกให้เดินไปที่นั่น อีกกลุ่มหนึ่งก็มาบอกว่าพวกเราทำแบบนั้นผิดกฎหมายไทย”
“มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง พอเขาเห็นผู้นำชุมชนเราถือวิทยุสื่อสารในมือ เขาก็ตวาดใส่ ตะคอก ๆ ๆ ๆ ใส่หน้า จะค้นกระเป๋า ตวาดใส่แบบนั้นติด ๆ กันจนทุกคนตกใจกลัว ผู้นำเราก็กลัว เขาก็เออ.. เอาเหอะ จะเอาอะไรก็เอาไป ค้นอะไรก็ค้นไป.. นายคนนี้แหละตวาดเอาอยู่นั่น ทำหน้ายักษ์หน้ามารอยู่ตลอดเวลา ชาวบ้านกลัวกันหัวหดหมด ไม่มีใครสบายใจเลยสักคน”
“ทหารอีกคนที่พูดภาษาภาษาปกาเกอะญอได้ก็บอกว่า ทางข้างบนเค้าสั่งมาแหละ ว่าถ้ามีอะไรผิดสังเกตก็ให้ค้นดู ไม่มีอะไรหรอก แต่ตอนนั้นไม่มีใครอยากถามอยากพูดอะไรแล้ว เมื่อตอนเช้ามาก ๆ พวกเขาก็ยังมาค้นเพิงพักของชาวบ้านอีก 2 หลัง คนที่อยู่ในนั้นก็กลัวมากว่าตัวเองทำอะไรผิด เขาตรวจค้นทุกอย่าง”
“เราบอกกับเจ้าหน้าที่ไทยไปว่า ไม่มีใครอยากจะหนีมาเมืองไทยหรอก มันไม่ใช่บ้านเรา ที่นี่ลำบากทุกอย่าง น้ำไม่มี หลังคาไม่คุ้มหัว ฝนตกข้าวก็เปียก อด ๆอยาก ๆ ไม่ได้สบาย แต่เรากลัวตาย ก็เลยต้องมา ต้องพาเด็กพาคนแก่มา เรามาเพราะเราไม่มีทางเลือกอื่น”
“เช้านี้ที่กลับไป มีชาวบ้านกำลังท้องเสียอยู่ 20 คน เป็นมาลาเรีย PF (เชื้อรุนแรงที่อาจขึ้นสมองได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม) อยู่ 6 คน ส่วนมาลาเรีย PV (เชื้อเรื้อรังแต่อาการไม่หนักเท่า) ก็มีอีกหลายคน สภาพแบบนี้เวลาต้องหนีมันไม่ง่ายนะ เราถามเจ้าหน้าที่ไทยว่า ที่บอกว่าทหารพม่าจะไม่โจมตีแล้วน่ะ รับรองได้ไหม เขาก็บอกว่า โฮ้ย รับรองไม่ได้หรอก ถ้ามีปัญหาเครื่องบินมาหรือมีสู้รบกัน ก็หนีมาใหม่ได้”
“พวกเราหนีอยู่ตลอด หนีทหารพม่า หนีเครื่องบิน หนีน้ำป่า หนีพายุลม หนีโน่นหนีนั่นจนเหนื่อยเกินจะหนีไป ๆ มาๆ อยู่อย่างนี้ แต่ตอนที่จะกลับ มีทหารไทยยืนอยู่ 2 คน ลุงคนหนึ่งยังขอบอกขอบใจเขาที่อนุญาตให้เราได้อยู่ที่นี่ พักหนึ่งก็ยังดีแหละ เราขอให้ในชีวิตพวกเขาไม่ต้องมาพบเจออะไรเลวร้ายแบบพวกเรา ขอให้เขาไม่ต้องมาเจอเครื่องบินทิ้งระเบิดจนต้องหนีแบบพวกเรา”
บันทึกคำบอกเล่าของผู้ลี้ภัยซึ่งเดินทางกลับรัฐกะเหรี่ยงเมื่อ 8-9 พ.ค.2564 ขณะที่เครื่องบินรบพม่าทิ้งระเบิดรอบฐานวาหลู่โค่ในจังหวัดมื่อตรอเมื่อบ่ายวันที่ 8 และกำลังมีการเสริมกำลังพล BGF เข้าพื้นที่อีกในวันที่ 9
“ทุกคนมีสิทธิที่จะแสวงหาและลี้ภัยในประเทศอื่นจากการประหัตประหาร”
(ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อที่สิบสี่)
ภาพประกอบ : การเดินกลับอีตู่ท่า ถ่ายโดย ชาวบ้านสาละวิน
หมายเหตุ
กรุณาแสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานการเคารพในเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และระมัดระวัง “ความผิดฐานหมิ่นประมาท” ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ประมวลกฎหมายอาญา ฯลฯ