บันทึกประจำวัน โรงเรียนสี่ภาษา
หมู่บ้านชายแดนวันนี้ไม่มีเสียงปืนหรือระเบิด ผมกับพี่นักศึกษาเดินตามทางหมู่บ้านไปที่โรงเรียน ตรงนี้มีโรงเรียน บ้าน ร้านค้าตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน มีอาคารและบ้านกำลังก่อสร้างอยู่หลายหลัง ปาบอกว่าคนในหมู่บ้านมีเยอะขึ้น พวกเราเดินจนมาถึงหอพัก ทุกคนดูเหนื่อยเพราะวันนี้แดดร้อน ไม่มีฝน
หอพักหลังนี้มีนักเรียนพักอยู่มากกว่า 70 คน ผมได้คุยกับพี่นักเรียนที่อยู่หอพัก พี่คนหนึ่งไม่ได้กลับบ้านมาห้าปีแล้ว พี่บางคนต้องมาอยู่ที่นี่เพราะโรงเรียนเดิมเปิดไม่ได้ และพี่หลาย ๆ คนพ่อแม่ก็มาส่งที่นี่เพราะในหมู่บ้านอันตรายเกินไป
พวกเราคุยกันด้วยภาษากะเหรี่ยง อังกฤษ และบางคำเราก็ใช้ภาษาไทย ผมคิดว่าโรงเรียนนี้ดีมาก นักเรียนและคนในชุมชนส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ พอพี่ ๆ นักศึกษาที่แวะซื้อของพูดภาษาอังกฤษ เขาก็ตอบกันเป็นภาษาอังกฤษ คราวนี้ผมเลยไม่ต้องช่วยแปลภาษาไทย-กะเหรี่ยง
ผมรู้สึกอยากมาเรียนที่นี่ เพราะเด็กนักเรียนที่นี่พูดได้ 4 ภาษา กะเหรี่ยง พม่า อังกฤษ และไทย ทั้งที่ยังไม่จบมหาวิทยาลัย ผมคิดว่าโรงเรียนนี้มีคุณภาพ นักเรียนก็มีความสามารถ แต่พอจบออกมากลับมีตัวเลือกในการทำงานน้อยมาก ผมได้ฟังที่พี่เขาพูดถึงสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เกือบทุกคนบอกว่าอยากกลับมาเป็นครูที่โรงเรียน ผมเพิ่งรู้ว่าการไม่มีสัญชาติทำให้ขาดโอกาสหลายอย่าง สำหรับผม ผมเข้าใจว่าสัญชาติคือการที่เรามีบัตรประชาชนและเป็นประชาชนของประเทศนั้น ๆ พอพี่ไม่ใช่ประชาชนไทยก็เลยไม่ค่อยมีตัวเลือกในการทำงาน ทั้งที่พี่มีความสามารถมาก ความสามารถด้านภาษาถึง 3-4 ภาษาน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศเรามาก โดยเฉพาะที่ชายแดนที่มีคนใช้ภาษาหลากหลาย
ผมเห็นพี่พูดสลับไปมาหลายภาษาโดยไม่ต้องมีคนช่วยแปล ผมจึงรู้สึกอยากเรียนภาษาพม่าขึ้นมาบ้าง เราพูดกันระหว่างทางกลับบ้านว่า ถ้าผมอยากมาเรียนที่นี่ โมกับปาจะให้ผมได้ลองมาเรียน
ด.ช. โปโป
วันที่ 26 สิงหาคม 2565
ภาพประกอบ เดินไปโรงเรียน โดย ครอบครัวโปโป