บังคับให้พลัดถิ่นได้ แต่บังคับคืนถิ่นไม่ได้

บังคับให้พลัดถิ่นได้ แต่บังคับคืนถิ่นไม่ได้

| | Share

บังคับให้พลัดถิ่นได้ แต่บังคับคืนถิ่นไม่ได้

เป็นเวลาร่วมครึ่งปีแล้ว ที่ชาวบ้านกลุ่มเลเก้ก่อ ตอนใต้ของเมืองเมียวดี ตรงข้ามกับอ.แม่สอดตอนใต้และพบพระ ต้องพลัดถิ่นฐานหนีระเบิดและกระสุนปืนใหญ่  

บางช่วงบางเวลา พวกเขาข้ามน้ำเมยมาฝั่งไทย ถูกผลักกลับไปก็รอคอยอยู่ไม่ห่างน้ำ คนมีพาหนะบางส่วนก็พากันลงใต้ หาที่ตั้งเพิงพักให้ปลอดภัยจากการโจมตี ข้ามมาหาซื้ออาหารฝั่งไทยได้ ถ้าจำเป็นก็หวังว่าจะได้รับอนุญาตให้ข้ามมาหลบภัย

อย่างไรก็ดี ภาพคนพลัดถิ่นเริ่มเป็นที่ไม่ถูกใจของหลายฝ่าย จึงเกิดความเข้าใจที่ว่า หากสามารถจัดการให้ชาวบ้านกลับไปอยู่บ้านดังเดิมได้ ก็จะดูเหมือนสงครามสงบ ธุรกิจการค้าชายแดนจะดำเนินสะดวก สะพานมิตรภาพน่าจะเปิดให้คนสัญจร และถนนเส้นแม่โกนเกนก็จะกลายเป็นที่ท่องเที่ยวใหม่ดังหวัง 

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา (5 มิ.ย) หน่วยพิทักษ์ชายแดน BGF และกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ DKBA รวมถึงกองทัพพม่า เรียกประชุมชาวบ้านที่วัดผะลูจี เพื่อบอกให้กลับบ้าน เริ่มต้นเพาะปลูก และส่งลูกหลานไปโรงเรียนตามปกติได้แล้ว

การประชุมที่มีทหารมากกว่า 300 คน และชาวบ้านที่เข้าร่วมเพียงราว 100 คน คือการส่งสารจากคนถืออาวุธ ซึ่งไม่ได้ยินคำตอบจากคนพลัดถิ่นที่ว่า พวกเขาจะกลับบ้านได้ก็ต่อเมื่อทุกกองกำลังติดอาวุธที่อยู่ภายใต้คำสั่งกองทัพพม่า ถอนตัวออกจากพื้นที่ ตราบใดที่ BGF และกองทัพพม่ายังตั้งฐานอยู่บนเนินในระยะที่ยิงปืนใหญ่ถึงชุมชนได้ ก็จะไม่มีใครกล้าอยู่อาศัย

แม้กระนั้น สิ่งต่อไปที่ต้องจัดการก็ยังคือกับระเบิดที่ฝังไว้ทั่วท้องไร่ท้องนา ชาวบ้านจะกลับคืนถิ่นไปไม่ได้หากพวกเขาไม่สามารถจะทำมาหากินหรือปลูกข้าวได้ 

การคืนถิ่นนั้นบังคับไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชาวบ้านรู้ว่า เมื่อใดที่กลับเข้าบ้าน สถานะต่อไปของพวกเขาก็จะคือเกราะกำบังชั้นดีให้แก่กองทัพพม่า/BGF เพราะฝ่ายต่อต้านรัฐทหาร มักไม่กล้าโจมตีหากจะกระทบกับชาวบ้าน

การยุติการพลัดถิ่นฐานไม่มีทางลัด ไม่ใช่เพียงเสียงปืนเงียบชั่วครู่ แต่สิทธิและเสรีภาพต้องดังกังวานด้วย

17 มิถุนายน 2565

Related