พี่ครับ สถานการณ์การเมืองของพม่าตอนนี้เลวร้ายมาก การเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยอยู่ ๆ ก็จบลงทันที มันทำให้อนาคตของคนรุ่นผมมืดมนไปหมด เหมือนเรามองอะไรไม่เห็นเลย
ตลอดปีที่ผ่านมา การระบาดของโควิดทำให้สภาพความเป็นอยู่ของพวกเราย่ำแย่พออยู่แล้ว เราพยายามหางาน หาวิธีเลี้ยงปากท้อง ยอมเสี่ยงสารพัดเพื่อครอบครัว ในเขตชายแดน ชาวบ้านบางแห่งก็ยังต้องหลบหนีเอาชีวิตรอดจากสงครามอยู่ รัฐประหารจึงคือการพาเราลงเหว หรือลงนรกดี ๆ นี่เอง
วันนี้ จู่ ๆ อาหารและสินค้าก็แพงขึ้น อาหารแห้งยิ่งแพงและหายาก เงินก็ไม่มีจะซื้อ ถึงมีเงินก็ไปเอาไม่ได้เพราะธนาคารปิด โทรศัพท์ก็ถูกตัด ใช้เน็ตไม่ได้ โทรออกไม่ได้ ผมมาใช้ wifi บริษัทของเพื่อนเพื่อติดตามข่าวดูว่าเกิดอะไรขึ้น และจะมีใครนอกพม่าดำเนินการอะไรไหม ยูเอ็นหรือประชาคมโลกจะว่ายังไง ตอนนี้มีแต่บริษัทธุรกิจแบบนี้ที่จะมีสัญญาณ wifi
จริง ๆ แล้วรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เผด็จการทหารก็เป็นคนเขียนเอง พวกเขายึดอำนาจไว้ในมือมาก็หลายปีเต็มทน ทำตัวเป็นรัฐบาลเองมาตลอด ต่อให้รัฐบาลพลเรือนจะพยายามแก้กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญ ทหารก็ขัดขวาง ไม่ว่าเราจะเรียกร้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ วิถีการเลี้ยงชีพ การศึกษา เศรษฐกิจ และการปกครองท้องถิ่นยังไงก็ไม่เคยสำเร็จสักอย่าง ทหารเตรียมเรื่องนี้มานานแล้ว เขาส่งกำลังเข้ามาและจู่โจมจับคนในรัฐของกลุ่มชนชาติ การคุมขังผู้นำที่ได้รับเลือกตั้งมามันไม่ใช่การแก้ไขปัญหา นี่ไม่ใช่การปกปักรักษาความมั่นคงของประเทศ
วันที่สอง เมืองพะอันที่ผมอยู่ยังคงเงียบ ๆ เหมือนเดิม ธนาคารเปิดแล้วแต่คนแน่นเอี้ยด ธุรกิจบางอย่างที่เป็นของต่างประเทศยังปิด สินค้าไม่ส่งเข้ามาในเมือง นอกจากนั้น ทุกอย่างก็ดูปกติ ผมไม่เห็นทหารพม่า คงเพราะนี่ไม่มีใครต่อต้านอะไร แต่ละคนพยายามดิ้นรนเฉพาะหน้าให้อยู่รอดปลอดภัยกันก่อน ผมคิดว่า ประชาชนยังนึกไม่ออกว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป
ผมคิดถึงอนาคต ผมอยากเห็นสักวันที่กองทัพพม่าจะเป็นกองทัพเพื่อประชาชน มันจะเป็นกองทัพของคนรุ่นใหม่ที่อยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนและมีหน้าที่ปกป้องประเทศจริง ๆ ถ้าเป็นแบบนั้น ความภาคภูมิใจในเกียรติของทหารก็จะเป็นความภูมิใจของผมด้วย”
สมาชิกโครงการเกี่ยวก้อย
หมายเหตุ : เด็กหนุ่มชนชาติพันธุ์เป็นสมาชิกโครงการเกี่ยวก้อยในปีที่เกิดรัฐประหาร 2557 ช่วงระหว่างการอบรมตัดต่อหนังสั้นพอดี