ขณะที่การโจมตีพลเรือนในรัฐกะเรนนียังดำเนินต่อ ….
8 มกราคม เครืองบินรบของกองทัพพม่าทิ้งระเบิดโจมตีลอยก่อ เมืองหลวงรัฐกะเรนนี ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตโดยทันทีอย่างน้อย 6 คน และผู้คนต้องหลบลี้หนีภัยกว่าหมื่น ชาวบ้านส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปทางตอนใต้รัฐฉาน ซึ่งเคยเป็นสถานที่หลบภัยของผู้พลัดถิ่นในประเทศมาครั้งแล้วครั้งเล่าในรอบห้าสิบปีที่ผ่านมา
แต่การหนีภัยไม่ใช่เรื่องง่าย ครอบครัวที่หอบลูกจูงหลานต้องคอยหลีกหนีการสะกัดกั้น ตรวจ จับ และยิงสะกัดของกองทัพพม่า ข่าวการโจมตียิงรถที่ขนส่งผู้หนีภัยจากลอยก่อไปรัฐฉานทำให้ผู้คนหวาดกลัวที่จะหนีขึ้นเหนือ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากการโจมตีทางอากาศทางด้านตะวันออกของแม่น้ำสาละวิน ใกล้กับค่ายพักผู้พลัดถิ่นดอโน่กู่เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มค. อันเป็นการตอบโต้การที่กองทัพ KNPP สามารถปฏิบัติการยึดฐานทัพพม่าในพื้นที่ได้สำเร็จ ส่งผลให้ชาวบ้านกว่าพันขอเข้าลี้ภัยในประเทศไทยที่ชายแดนบ้านน้ำเพียงดิน และพื้นที่ของอดีตแคมป์ 3 กะเรนนีซึ่งห่างจากเซคชั่น 9 ของค่ายผู้ลี้ภัยในสอยปัจจุบันไปประมาณ 1 กม.
ซึ่ง การอพยพลี้ภัยทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำสาละวินก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ที่บ้านน้ำเพียงดิน ผู้ลี้ภัยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเขตไทย และกลุ่มที่เข้ามาพักอยู่ใกล้ค่ายผู้ลี้ภัย ก็ถูกกำหนดให้อยู่แยกออกจากค่าย โดยหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมต้องรับทราบเงื่อนไขว่า การช่วยเหลือจะต้องเป็นไปอย่างจำกัดที่สุด “เพื่อไม่ให้พวกเขาอยู่สบายจนเกินไป”
“ชาวบ้านบางคนตัดสินใจย้อนกลับไปอยู่ในป่า” คือคำตอบถึงจำนวนผู้ลี้ภัยที่เคยรายงานเบื้องต้นในจำนวนเกินพันที่ปัจจุบันลดลงเหลือกว่า 700 “และคนที่ตามมาทีหลัง พอได้รับรู้ว่าทางการไทยจะไม่ให้เข้าไปแล้ว เขาก็ต้องหันหลังกลับไปหลบอยู่ในป่าแถว ๆ ชายแดน”
“คนส่วนหนึ่งมาจากดอโน่กู่ อีกส่วนหนึ่ง เราได้ข่าวว่ามีชาวบ้านที่ดั้นด้นมาจากถึงชายแดนเพิ่มขึ้น ตอนนี้คนหนีสงครามกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง พวกเขาเพียงแต่ต้องการหาที่ ๆ เขาจะนอนหลับได้ลงบ้างในยามกลางคืน แค่นี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว”
อากาศหนาวเย็นที่ทำให้เราหลายคนสดชื่นกำลังเป็นความทุกข์ทรมานของผู้พลัดถิ่น/ผู้ลี้ภัยที่หนีกันมาโดยแทบไม่มีอะไรติดตัว ขณะที่กองทัพพม่ายังก่อสงครามโดยพุ่งเป้าไปที่พลเรือนทั่วทั้งรัฐกะเรนนีต่อไป นโยบายรับผู้ลี้ภัยให้น้อยที่สุด โดยตั้งเป้าที่จะผลักดันกลับให้ได้เร็วที่สุด ก็ยังดำเนินอยู่ต่อไป เช่นกัน
11 มกราคม 2565
ภาพประกอบ : ลี้ภัยในป่า โดยชาวบ้านกะเรนนี