การพลัดถิ่นฐานในมื่อตรอยังดำเนินอยู่
แม้จะไม่มีผู้ลี้ภัยใหม่ข้ามมาในประเทศไทย และแม้ว่าชาวบ้านบางส่วนพยายามกลับไปยืนหยัดใช้ชีวิตในมื่อตรออันเป็นการต่อต้านอย่างสันติ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพียงในจังหวัดมื่อตรอ หรือเขตกองพลที่ 5 ของ KNU นั้น ก็มีการปะทะกันระหว่างทหารต่อทหารถึง 254 ครั้ง และมีการยิงปืนใหญ่เข้าสู่ชุมชนและที่ทำกินของชาวบ้านอย่างน้อย 232 ลูก ส่งผลให้มีชีวิตที่ต้องสูญเสียไป “โดยตรง” ทั้งหมด 159 คน และบาดเจ็บอีก 131 คน ส่วนใหญ่แล้วความสูญเสียจะตกที่กองทัพพม่า หากก็มีพลเรือนชาวกะเหรี่ยงเสียชีวิตไปอีก 2 คน และบาดเจ็บ 6 คน
ทั้งนี้ ยังต้องย้ำกันอีกครั้งว่า ความสูญเสียอันเกิดจาก “ผลพวง” ของการปะทะและการยิงปืนใหญ่ต่อชาวบ้านนั้น จะมากมายมหาศาลกว่าความสูญเสียซึ่งหน้า เพราะหมายถึงความอดอยากหิวโหย สุขภาพร่างกายที่อ่อนแอลงจากการขาดอาหารและการต้องระหกระเหินพลัดถิ่นฐาน การขาดแคลนโอกาสเข้าถึงการรักษาพยาบาล และสุขภาพจิตที่ย่ำแย่ซึ่งจะฝังจิตใจของผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก ๆ ไปอีกนาน
ปฏิบัติการทางทหารของกองทัพพม่าในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ยังรวมถึงการเข้าปล้นสะดมเอาเงิน แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ (ที่ใช้กับรถยนต์) ซึ่งใช้เก็บไฟจากแผงโซลาร์เซลล์ และแผงโซลาร์เซล์ รวมถึงทรัพย์สินอื่น ๆ และการเข้ามายิงสัตว์เลี้ยงเช่น วัว ควาย หมูของชาวบ้านเพื่อนำไปเป็นอาหารของตน แม้จะมีคาราวานขนส่งอาหารของกองทัพพม่ามาจากในเมืองจำนวนมาก โดยล่าสุด ทหาร BGF ซึ่งถูกเรียกไปจากเมียวดีไปยังจังหวัดดูตาทู (ตะโถ่ง) ได้เข้ามาสมทบในมื่อตรออีกมาก
วิดีโอในโพสต์นี้ เป็นความพยายามที่จะสื่อสารของเครือข่ายสนับสนุนสันติภาพชาวกะเหรี่ยง (Karen Peace Support Network) ซึ่งมีข้อเรียกร้องให้กองทัพพม่าถอนกำลังทหาร หยุดปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ และยุติการสร้างถนนรวมถึงโครงการพัฒนาซึ่งที่ผ่านมาคือข้ออ้างในการส่งกำลังทหารเข้าพื้นที่ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาที่ชาวบ้านและประชาสังคมกลุ่มชาติพันธุ์ไม่เคยได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และไม่เชื่อมั่นว่าประโยชน์จะตกอยู่กับคนท้องถิ่น
นอกจากนี้ เครือข่ายยังเรียกร้องให้รัฐบาลไทยอนุญาตให้องค์กรมนุษยธรรมส่งความช่วยเหลือข้ามพรมแดนผ่านทางองค์กรภาคประชาสังคมของกลุ่มชาติพันธุ์ชายแดนไปยังผู้พลัดถิ่นในประเทศ อีกทั้งให้ประชาคมโลก (รวมทั้งไทย) ได้ช่วยกันคว่ำบาตรการค้าอาวุธและการค้าอื่น ๆ ที่นำรายได้มาสู่มือเผด็จการทหารในขณะนี้ด้วย
หากประเทศไทยไม่ต้องการให้มีปรากฏการณ์ผู้ลี้ภัย ไม่ว่ากะเหรี่ยงหรือกะเรนนี ทางเลือกเดียวที่มีคือยุติการสนับสนุนอาวุธและความร่ำรวยให้แก่กองทัพพม่า เพราะการห้ามเผยแพร่เรื่องราวของผู้ลี้ภัยไม่สามารถลบผู้ลี้ภัยออกจากความเป็นจริงได้