เมื่อเครื่องบินรบพม่าบินเหนือหัวชาวบ้านฝั่งไทย
ภาพที่ถ่ายจากอบต.วาเลย์และบ้านวาเลย์ใต้ กับวิดีโอมากมายหลายชิ้นที่คนท้องถิ่นยกกล้องขึ้นถ่ายและได้รับการแชร์ต่ออย่างแพร่หลายในโซเชียลมีเดีย เผยให้เห็นว่าเครื่องบินรบของกองทัพพม่าบินล้ำเขตแดนเข้ามาฝั่งในประเทศไทย ตอกย้ำข้อเท็จจริงว่า พื้นที่ชายแดนไม่ปลอดภัยสำหรับสื่อมวลชนและใครก็ตามที่จะอยากเข้าไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสงคราม และก็ไม่ปลอดภัยสำหรับชุมชนไทยท้องถิ่นเช่นเดียวกัน
เรื่องราวดังกล่าว ไม่ต่างกันกับที่ชาวบ้านฝั่งต.แม่สามแลบ อ.สบเมย แม่ฮ่องสอน เคยพยายามบอกกับสาธารณะ แต่ก็ถูกปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงบ้าง ห้ามไม่ให้เผยแพร่บ้าง ฯลฯ มาก่อน
กองทัพของคณะทหารพม่า (SAC) ซึ่งก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชนของตัวเอง อาศัยประโยชน์กับการรักษาสัมพันธ์กับกองทัพไทย จนกลายเป็นพิษเป็นภัยกับชุมชนไทยชายแดน ซึ่งเป็นญาติพี่น้องกับชุมชนท้องถิ่นในฝั่งรัฐกะเหรี่ยงตลอดปีที่ผ่านมา
“โรงพยาบาลของเรารับคนบาดเจ็บหนักจากฝั่งโน้นมาหลายคน ฉันเห็นว่าควรรับ เมื่อยามลำบาก เราต้องช่วยเหลือกัน” หญิงชาวบ้านท้องถิ่นผู้ไม่ประสงค์จะออกนามกล่าว “แต่ฝั่งบ้านเราควรจะเป็นฝั่งที่ปลอดภัยจริง ๆ พวกเขาหนีมาแล้วก็ควรจะอุ่นใจ นี่ขนาดเรายังกลัว”
การประชุมคณะกรรมการชายแดนไทย-พม่า ครั้งที่ 34 เพิ่งจัดขึ้นเมื่อ 2 วันก่อน (28 มิถุนายน) ที่โรงแรมตองยี เมืองตองยี ตามรายงานข่าวของสื่อพม่าระบุว่ามีการพูดคุยสร้างความมั่นใจความร่วมมือชายแดน การป้องกันยาเสพติด ปัญหาชายแดน ฯลฯ ตามด้วยการถ่ายรูปร่วมกันอย่างชื่นมื่น
จะดีขนาดไหน หากที่ประชุมจะมีข้อตกลงและมาตรการว่าผลกระทบจากการสู้รบชายแดนต่อประชาชนสองฝั่ง ว่าด้วยการรุกล้ำเขตแดนทั้งด้วยพาหนะ อาวุธ กระสุน และกำลังพล กับการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมต่อผู้ได้รับผลกระทบจากสงครามตามหลักอารยะสากล ปรากฎเป็นข่าวสาธารณะให้เราทั้งหลายได้อุ่นใจแทนคนชายแดน
30 มิถุนายน 2565
ภาพประกอบ : ชาวบ้านริมเมย และภาพข่าวจาก myawaddy.net.mm