เมื่อเขาไล่เราแล้ว เราจะกล้าเคาะประตูอีกหรือ
หลังจากที่เช้าวันนี้ กองทัพของ KNU สามารถยึดฐานทหารพม่า เจ้าของข้าว 700 กระสอบ ซึ่งเป็นฐานใหญ่ที่สุดริมสาละวิน ตรงข้ามแม่สามแลบ เครื่องบินรบพม่าก็ได้เข้าโจมตีที่บ้านบเว เดอ ต่อด้วยฐานดากวินของ KNU ซึ่งอยู่เยื้องกับบ้านท่าตาฝั่ง เฉียดเส้นพรมแดนไทย
สถานที่เหล่านี้ร้างผู้คนไปก่อนหน้าแล้ว ชาวบ้านมื่อตรอต่างกลายเป็นผู้พลัดถิ่นอยู่ในประเทศตัวเอง ใช้ชีวิตหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในป่า ขึงผ้ากางเปลใต้ต้นไม้ นอกจากนี้ การทิ้งระเบิด 3 ครั้งยังพลาดเป้าหมายสำคัญไปถึง 2 ครั้ง คือมีเพียงครั้งแรกเท่านั้นที่ถูกที่พักของทหาร KNU จนมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ต่างกับครั้งก่อนที่เครื่องบินโจมตีแม่นยำ
การสู้รบส่งผลให้ชาวบ้านกะเหรี่ยงแม่สามแลบถูกกระสุนปืนเล็ก จนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล หากทหารกะเหรี่ยงที่บาดเจ็บขอเข้ามารักษาฝั่งไทย ถูกยิงปืนลงพื้นขู่ไม่ให้เรือเข้าฝั่ง และเมื่อเข้ามาจนได้รับการปฐมพยาบาลจากชาวบ้านแม่สามแลบ ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตจากทหารพรานให้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้
เย็นนี้ ผวจ.แม่ฮ่องสอนได้ให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวถึงการรับผู้ลี้ภัยตามหลักการคล้ายคลึงกับที่เคยสัมภาษณ์ไว้เดิม นั่นคือ เมื่อหนีภัยก็จะต้องรับเข้ามา คัดกรองโควิด มีมาตรการด้านสาธารณสุขอื่น ๆ รองรับตามหลักมนุษยธรรม และหากการสู้รบรุนแรงยืดเยื้อ ก็จะเคลื่อนย้ายให้ไปอยู่ลึกจากชายแดน ถ่ายโอนอำนาจจากทหารให้หน่วยงานภาครัฐ องค์กรการกุศล เอกชนเข้าร่วมกันดูแล
ปัญหาก็คือ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้รับการปฏิบัติเลยในครั้งที่แล้ว
เราจึงหวังว่า แนวทางที่ผู้ว่าราชการจังหวัดให้สัมภาษณ์จะเป็นจริงในครั้งนี้ เพราะเสียงจากชายแดนที่เยือกเย็นเรียบเฉย ส่งมาถึงเราว่า
“เมื่อทางการไทย ไม่ต้องการรับเขา ผลักดันเขากลับแบบนั้น พวกเขาก็ไม่กล้ามาขอความช่วยเหลืออีกแล้ว ไม่มีใครอยากมาแล้วถูกไล่กลับ พวกเขาจะหนี ๆ ๆ และซ่อนอยู่ในป่า หาที่ซ่อนให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนไม่เหลือที่ไหนจะให้ซ่อนแล้วนั่นแหละ ถึงอาจจะ… แต่ ณ ตอนนี้ ไม่มีใครคิดจะพึ่งประเทศไทยอีกแล้ว”
ได้ฟังอย่างนี้ กองทัพไทยอาจคิดว่าภารกิจของตนประสบความสำเร็จ แต่เรายังยืนยันว่า นอกเหนือจากภารกิจของกองทัพ ยังคงมีภารกิจของความเป็นมนุษย์อยู่ด้วย
คืนนี้ชาวบ้านในมื่อตรอคงนอนไม่หลับ เพราะการโจมตีทางอากาศที่โหดเหี้ยมมักเกิดขึ้นในยามค่ำคืน..
27 เมษายน 2564
ภาพประกอบ ชาวบ้านหมู่บ้านที่ถูกผลักดันกลับจากฝั่งไทยไปยังบ้านแม่หนึท่า กำลังตัดสินใจว่าจะหลบอยู่ในป่าหรือกลับไปดูที่หมู่บ้านซึ่งอยู่ลึกเข้าไป อย่างไรก็ดี คนชราอายุเกือบร้อยและผู้ป่วย อาจจะต้องขออาศัยอยู่กับบ้านแม่หนึท่าติดชายแดนก่อน เพราะเสี่ยงอันตรายเกินไปหากแบกกลับไป
หมายเหตุ
กรุณาแสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานการเคารพในเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และระมัดระวัง “ความผิดฐานหมิ่นประมาท” ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ประมวลกฎหมายอาญา ฯลฯ