พื้นที่ปลอดภัยสุดท้าย
ปีการศึกษา 2022 ผมมีนักเรียนใหม่ในหอพัก 8 คน เด็กผู้หญิงคนหนึ่งบอกผมว่า ลุงของเธอถูกกองทัพพม่ายิงปืนใหญ่เข้าใส่บ้านตอนกำลังกินข้าวอยู่ เขาตายทันทีโดยไม่มีโอกาสหนี หลังจากนั้น พ่อกับแม่ถึงได้ตัดสินใจส่งแกออกมาเรียนที่โรงเรียนผม
นักเรียนใหม่ 8 คนนี้มาจากจังหวัดมื่อตรอ คนตัวเล็กที่สุดอายุ 7 ขวบ และคนโตที่สุดเรียนอยู่ชั้นม.ปลายปีสุดท้าย พวกเขาบอกว่า พ่อแม่และเด็ก ๆ ต้องหนีจากที่นั่นไปที่นี่ ย้ายไปเรื่อย ๆ ไม่เป็นหลักเป็นแหล่งตั้งแต่เครื่องบินมาทิ้งระเบิดและหมู่บ้านโดนปืนใหญ่ ถึงวันนี้พ่อแม่ของพวกเขาก็ยังอยู่แบบนั้น เป็นคนพลัดถิ่นอยู่ในมื่อตรอ ขณะที่พวกเขาได้นอนอุ่นและหลับสบาย
สัปดาห์แรก เด็ก ๆ 8 คนนี้ดูไม่มีความสุขกับโรงเรียนของผมสักเท่าไหร่ บางคนก็ร้องไห้คิดถึงพ่อแม่ บางคนก็วิตกกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าจะเกิดอะไรกับครอบครัวในมื่อตรอบ้าง แต่บางคนก็ไม่มีพ่อแม่ให้คิดถึงแล้ว และเราต้องเป็นครอบครัวให้กับพวกเขา เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจึงค่อยมีความสุขขึ้น
ครูในพื้นที่ของผมเป็นแบบนี้ โรงเรียนผมอยู่ในเขตปลอดภัยในจังหวัดพะอัน พื้นที่นี้เผชิญกับสงครามมาก่อน ใครที่อายุเกิน 13 ปีขึ้นไปต่างก็เคยต้องหนีเข้าป่าหรือข้ามมาฝั่งไทยกันทั้งนั้น แต่สำหรับเหตุการณ์หลังรัฐประหารที่การสู้รบขยายไปทั่ว พื้นที่เรายังไม่มีเสียงปืนแม้ว่าทหารพม่าจะเสริมกำลังเข้ามามาก มีแต่คนบอกว่า สำหรับพื้นที่เรานั้น หากพวกเขาต้องการจะโจมตี มันจะง่ายนิดเดียวเพราะถนนไปได้ถึงเกือบทุกแห่ง รวมถึงโรงเรียนของผม
ตั้งแต่เทอมสองของปีการศึกษา 2021 หลายโรงเรียนแถวนี้ก็เริ่มรับเด็ก ๆ จากจังหวัดอื่นมาเข้าเรียน ช่วงแรกคือเด็ก ๆ ชาวกะเหรี่ยงในเมืองที่เคยแต่เรียนโรงเรียนพม่าหรือโรงเรียนรัฐบาล ซึ่งปิดไปสองปีกว่าแล้วตั้งแต่เริ่มมีโควิดและต่อด้วยรัฐประหารกับการปราบปรามประชาชน เด็ก ๆ เหล่านี้ต้องปรับตัวเพื่อเรียนหลักสูตรกะเหรี่ยง ซึ่งทุกวันนี้พวกเขาก็ไปได้สบาย ไม่มีใครอยากกลับไปเรียนโรงเรียนที่เดิมอีก เสียที่ต้องอยู่ห่างไกลจากพ่อแม่เท่านั้น
ต่อมา เราก็ทะยอยมีเด็กเล็กเด็กโตจากมื่อตรอมาเพิ่ม การเรียนการสอนในมื่อตรอยังเดินต่ออยู่ก็จริง แต่สำหรับบางครอบครัวในบางจุด การให้ลูกเรียนหนังสือในภาวะที่ต้องหนีไปด้วยตลอดเวลาก็เป็นเรื่องที่ต้องคอยพะวักพะวง พ่อแม่เหล่านี้จึงตัดใจส่งลูกไปไกลตัว เพราะนั่นทำให้พวกเขาเป็นห่วงลูกน้อยลงกว่าเมื่อตอนอยู่ใกล้ตัว
ถึงตอนนี้ ผมได้ข่าวว่าคนจากจังหวัดเคล่อลุยทู หรือเขตกองพลที่สาม ค่อย ๆ ทะยอยอพยพมาทางพื้นที่เราแล้ว เพราะมันเป็นพื้นที่ปลอดภัยแห่งสุดท้าย ผมไม่รู้ว่าเราจะอยู่กันอย่างปลอดภัยได้นานแค่ไหน แต่เราทุกคนก็สอนหนังสือต่อไปตามปกติ พ่อแม่ส่งลูกมาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตรอด และโรงเรียนของพวกเราก็มีหน้าที่ที่จะทำให้อนาคตของชาวกะเหรี่ยงอยู่รอด
10 กรกฎาคม 2565
ภาพประกอบ โรงเรียนริมขอบแดน จังหวัดพะอัน โดยครูริมน้ำเมย