ผู้ลี้ภัยไม่ได้ขาดแคลนความช่วยเหลือ แต่เส้นทางความช่วยเหลือถูกปิดกั้น
เป็นเวลาหกวัน ที่หน่วยงานความมั่นคงไทยยังคงไม่มีทีท่าว่าจะเปลียนแปลงมาตรการการปิดกั้นกัก-เก็บผู้ลี้ภัยโดยไม่ยินยอมแม้แต่จะให้หน่วยงานรัฐอื่นที่มีประสบการณ์เข้าไปจัดการแก้ไขวิกฤตมนุษยธรรมที่กำลังดำเนินอยู่
ถนนทุกสายที่จะเข้าถึงที่พักพิงริมขอบแดนถูกตั้งด่านกั้น การส่งมอบความช่วยเหลือซึ่งควรได้รับการอำนวยความสะดวกหรือกระทั่งชื่นชม กลับต้องดำเนินไปอย่างยากลำบากและล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้ รายงานของของสวท.แม่สะเรียงระบุว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขันเพื่อป้องกันผู้ลักลอบเข้าเมืองจากประเทศพม่าที่อาจติดเชื้อโควิดเข้ามาในพื้นที่ ขณะที่ในวันเดียวกัน มีรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิดในอ.แม่สะเรียงเพิ่มขึ้นเป็นรายที่ 10 ซึ่งทั้งหมดติดจากจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศไทย
การปิดกั้นเส้นทางความช่วยเหลือ ประกอบกับหนึ่งวันกว่าที่ปราศจากการโจมตีทางอากาศ (ซึ่งน่าจะเป็นเพราะกองทัพพม่ากำลังเผชิญศึกหนักกับ KIA กองทัพเอกราชคะฉิ่น) ทำให้ผู้ลี้ภัยตกอยู่ในความหวาดกลัวว่าจะถูกผลักดันกลับอย่างปัจจุบันทันด่วนเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็จะต้องหลบซ่อนอยู่ริมชายแดน หรือหนีตายกลับมาอีกครั้งในเวลาอันสั้น เพราะข่าวการเรียกกำลังพลซึ่งรวมถึงการเรียก BGF กองกำลังรักษาชายแดนชาวกะเหรี่ยงที่อยู่ตรงข้ามแม่สอด มาร่วมโจมตีพื้นที่มื่อตรอก็เป็นเรื่องจริง
ในที่นี้ เราจึงขอเผยแพร่สป็อต “เปิดประตู” ซึ่งเพื่อนไร้พรมแดนทำไว้เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ภาพบางส่วนในสป็อตนี้มาจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในรัฐกะเรนนีเมื่อกว่า 10 ปีก่อน
“เราจะเพียงเปิดออกไปดู หรือเปิดประตูรับ”
3 พฤษภาคม 2564