บันทึกประจำวัน ตอนโรงเรียนที่กลับไปไม่ได้ และ SchoolPower

บันทึกประจำวัน ตอนโรงเรียนที่กลับไปไม่ได้ และ SchoolPower

| | Share

บันทึกประจำวัน ตอนโรงเรียนที่กลับไปไม่ได้ และ SchoolPower

เกิดการสู้รบบ่อยมากใกล้ ๆ โรงเรียนฝั่งรัฐกะเหรี่ยงที่ไม่ไกลจากบ้านผม การหนีข้ามแดนไปมาจึงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดต่อเนื่อง  เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผมได้ไปเจอกับพี่ ๆ นักเรียนที่ทั้งโรงเรียนต้องย้ายมาอยู่ชั่วคราวกันที่โบสถ์ฝั่งไทยเพื่อจะได้เรียนหนังสือต่อเนื่อง และพอ 2-3 สัปดาห์ผ่านไป ผมก็ได้ข่าวว่าพี่ ๆ กลับไปที่โรงเรียนเดิมฝั่งโน้นแล้ว  แต่พอมาตอนนี้ ผมก็รู้ว่าพี่ ๆ นักเรียนกลุ่มเดิมต้องย้ายมากลับเรียนที่โบสถ์อีกครั้ง กลับไปกลับมาตลอดเวลา

ผมนึกถึงการเรียนของตัวเอง บางครั้งก็ต้องเรียนในรถระหว่างเดินทาง  บางครั้งผมต้องสอบออนไลน์จากบ้านพักเล็ก ๆ ริมชายแดน  แต่การย้ายที่เรียนหนังสือของผมไม่ได้เกิดจากการต้องหนีภัย และผมก็สนุกกับการได้เดินทางไปหลาย ๆ ที่ ต่างจากพี่ ๆ ที่ต้องย้ายโรงเรียนเพื่อการมีชีวิตรอดปลอดภัย 

ในระหว่างที่ผมรอสอบออนไลน์อยู่ที่ชายแดน ผมไปเข้าร่วมกิจกรรมโครงการ Schoolpower ซึ่งเป็นการสนับสนุนการทำงานของครูชายแดน ผมได้เห็นว่า การช่วยให้เด็กนักเรียนในภาะสงครามได้เรียนอย่างต่อเนื่องต้องอาศัยคนช่วยกันมากมาย 

ผมได้ทำกิจกรรมกับครูจากหลาย ๆ โรงเรียน  ผมสนุกมากกับกิจกรรมจำลองการเจรจาระหว่างฝ่ายพลเมืองที่อยากให้คนที่หนีสงครามเข้ามาอาศัยอยู่ชั่วคราวในที่ปลอดภัย  กับอีกฝ่ายที่ไม่อยากรับคนหนีภัยเข้ามาอยู่ในพื้นที่ตัวเอง  ต่างคนต่างมีเหตุผล  ผมอยู่ฝ่ายที่สนับสนุนการให้ที่พักปลอดภัย เพราะผมอยากให้เขามีที่อยู่ชั่วคราวในช่วงเวลาที่สถานการณ์ร้ายแรง  ส่วนฝ่ายที่ไม่อยากให้คนเข้ามา เขาก็ให้เหตุผลว่า พื้นที่ชุมชนมีทรัพยากรน้อย การให้ผู้หนีภัยสงครามมาพักในชุมชนอาจทำให้ทหารพม่าเข้ามาในพื้นที่  ผมก็เข้าใจเหตุผลของทั้งสองฝ่าย  ตอนที่กิจกรรมจบลง เราทั้งหมดได้มาคุยแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งทำให้ผมได้เข้าใจว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ต้องการการรับฟังความเห็นของคนจากหลายฝ่าย เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน

อีกกิจกรรมหนึ่งที่ผมชอบมากคือการดูหนัง ผมได้ดูเรื่อง District 9, หนังสั้นเรื่อง The Neighbours และก็ The Great Dictator  ผมชอบเรื่อง District 9 มากที่สุด หนังเล่าเกี่ยวกับเอเลี่ยนที่อพยพมาโลกของเราเพราะดาวบ้านเกิดไม่สามารถอยู่ได้  คนในหนังเรียกเอเลี่ยนว่า “กุ้ง” หรือ “prawn” เพราะเขามองว่ากุ้งนั้นโง่และป่าเถื่อน ตัวพระเอกทำงานให้หน่วยงานหนึ่งที่ทำงานเกี่ยวกับเอเลี่ยน  แต่ทุกคนในที่ทำงานนั้นไม่มีความเห็นอกเห็นใจ “กุ้ง” เลย  พวกเขาเผาทำลายไข่ตัวอ่อนของกุ้งด้วย  แต่ต่อมาตัวพระเอกเขาไปสูดดมสารบางอย่างแล้วก็ค่อย ๆ กลายเป็นกุ้ง เขาเริ่มรู้สึกเห็นใจกุ้ง และมีมนุษยธรรมมากขึ้น 

พอผมดูแล้วเทียบกับชีวิตจริง “กุ้ง” เป็นเหมือนผู้ลี้ภัยที่โดนบังคับให้อยู่ในค่ายโดยไม่มีอิสระ  แล้วคนในเมืองก็มองคนที่ชายแดนว่าเต็มไปด้วยความป่าเถื่อนและรุนแรง  ผมคิดว่า ถ้าหากไม่เคยเป็น “กุ้ง” เสียเอง พวกเขาอาจจะไม่สามารถรู้สึกและเข้าใจอะไร ๆ ที่กุ้งต้องพบเจอได้

24 กันยายน 2565
ด.ช. โปโป อายุ 9 ปี
ภาพประกอบ : ละครกระต่ายกับเต่า SchoolPower

Related