แนวรบตะวันตก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง 

แนวรบตะวันตก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง 

| | Share

แนวรบตะวันตก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง 

ล่วงเข้าปี 2566 สถานการณ์แนวรบทั่วทั้งประเทศพม่าไม่มีเปลี่ยนแปลง ข่าวคราวที่เงียบหายไม่ได้หมายความว่าเสียงปืน เสียงระเบิด เสียงกระหึ่มของเครื่องบินรบ เสียงไม้แตกลั่นเพราะเปลวไฟ ตลอดจนเสียงกรีดร้องของผู้คนที่ต้องหนีตายหัวซุกหัวซุน บาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก จะเงียบหาย

ปฏิบัติการเหี้ยมโหดแผ่ขยายเกือบทุกรัฐและมณฑลขอบแดน ไม่ว่าจะเป็นเหนือ ใต้ ตะวันออก หรือตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นการทรมาน คุมขัง และสังหารทิ้งตามอำเภอใจ  การเผาชุมชน การยิงปืนใหญ่เข้าชุมชน การกราดยิงปืนกลจากเฮลิคอปเตอร์ และการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินรบ ซึ่งไม่เลือก ไม่แยกแยะว่าเป็นการโจมตีกองกำลังติดอาวุธหรือพลเรือน

ต้นปี 2566 จังหวัดมื่อตรอ ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่ถูกโจมตีทางอากาศหลังรัฐประหาร ส่งผลให้ผู้ลี้ภัยหลายพันคนหนีตายมายังชายแดนอำเภอแม่สะเรียงและสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอนในช่วงมีนาคม – มิถุนายน 2564 กลับมาตกเป็นเป้าการโจมตีอีกครั้ง

ล่วงเข้าปีใหม่ เครื่องบินรบระดมกำลังกันมาโจมตีมื่อตรอซ้ำแล้วซ้ำอีก เสาร์ที่ผ่านมา เครื่องบิน 7 ลำมุ่งถล่มอำเภอดวยโลตลอดวัน ระเบิดตกลงในชุมชน สังหารชาวบ้านหญิงชายไป 6 คน ทำลายบ้านเรือน สถานีอนามัย ตลอดจนไร่ของชาวบ้าน ทั้งนี้  ตลอด 2565 ที่ผ่านมา เพียงจังหวัดมื่อตรอ จังหวัดเดียว ก็ถูกโจมตีทางอากาศไปแล้ว 35 ครั้ง รวมจำนวนระเบิดที่ถูกทิ้งในพื้นที่ถึง 182 ลูก

สถานการณ์ในฝั่งประเทศพม่าไม่เปลี่ยนแปลง ในประเทศไทยก็ไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน รัฐไทยยังคงมีดำรงท่าทีเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีการเข่นฆ่าทรมานผู้คน ไม่มีคนหนีภัยการปราบปรามและภัยสงครามที่กลับบ้านไม่ได้ ไม่มีบ้านให้กลับ ไม่สามารถไปไหนหรือไปประเทศที่สามได้ ไม่มีระบบรองรับ ไม่มีความคุ้มครอง และไม่มีการจัดการใด ๆ  

ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพสองประเทศยังดำเนินไปตามปกติ แม้กระทั่งจะมีสุ้มเสียงจากอาเซียนบ้าง มิตรประเทศอื่น ๆ บ้าง คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติบ้าง ทุกอย่างก็แลดูไม่กระทบกระเทือน แม้จะบังเอิญมีการไปจับกุมพ่อค้าอาวุธสงคราม-ยาเสพติดพร้อมเพื่อนร่วมงานชาวไทยที่พบว่ามีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับมิน อ่อง หล่าย ผู้นำกองทัพพม่า เรื่องราวก็เก็บงำเงียบเชียบ ล่าสุดรายงานข่าวที่ว่า ในรายการทรัพย์สินของกลุ่มธุรกิจดังกล่าวที่ถูกยึดไว้ได้นั้นรวมถึงเอกสารการครอบครองคอนโดมิเนียมหรูกลางกรุงเทพฯของลูกชายมิน อ่อง หล่าย กับบัญชีธนาคารไทยของลูกสาวมิน อ่อง หล่าย เรื่องนี้ก็ไม่ได้รับการกล่าวถึงมากนักในสื่อภาคภาษาไทย

ขณะเดียวกัน 12 มกราคม 2566 สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา (สะพาน 1) ที่ถูกปิดมา 3 ปีนับจากการกระบาดโควิด 19 ต่อด้วยสถานการณ์ความไม่สงบ ก็กลับมาเปิดใหม่ด้วยพิธีการและข่าวประชาสัมพันธ์เอิกเกริก  นับจากนี้กลุ่มทุนจีนจะสามารถเดินทางเข้าออกเพื่อตรวจตราการลงทุนของตนบริเวณชายแดนพม่าได้อย่างสะดวกดาย และหวังว่าแม่สอดที่คึกคักไปด้วยคนหนีตายข้ามพรมแดน คงจะคึกคักยิ่งไปกว่าเดิม

และ สามชั่วโมงหลังจากนั้น  เครื่องบินรบพม่าก็บินไปทิ้งระเบิดลงหมู่บ้านใกล้เมืองเดปู่โน่ในจังหวัดมื่อตรอ 2 แห่ง รวมระเบิด 9 ลูกตกลงบริเวณชุมชน โบสถ์คริสต์ และใกล้โรงเรียน รายงานเบื้องต้นคือพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน รวมถึงแม่และลูกสาววัย 2 ขวบ ศาสนจารย์ กรรมการโบสถ์ บางคนร่างแหลกเหลวจนพบเจอเพียงบางอวัยวะ ผู้คนบาดเจ็บและมีสัตว์เลี้ยงเสียชีวิตอีกจำนวนหนึ่ง

ชาวบ้านกระจัดกระจายหนีเข้าป่า เป็นการพลัดถิ่นฐานที่ไม่ต้องนับว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา คราวนี้พวกเขาไม่กล้าคิดที่จะข้ามสาละวินมาพึ่งพาความคุ้มครองของประเทศไทย เพราะรู้ดีว่า ท่าทีของรัฐไทย จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

12 มกราคม 2566

ภาพประกอบ
พิธีเปิดสะพานมิตรภาพไทย-พม่า 12 ม.ค. 2566 และความเสียหายจากการโจมตีทางอากาศในจังหวัดมื่อตรอ โดย ชาวบ้านสาละวิน

Related