เมื่อทหารมายิงกันที่หมู่บ้านของหนู

เมื่อทหารมายิงกันที่หมู่บ้านของหนู

| | Share

เมื่อทหารมายิงกันที่หมู่บ้านของหนู
บันทึกเด็กหญิงไทยพลัดถิ่น

“ตอนปิดเทอมหนูได้ไปเที่ยวบ้านหนูที่พม่าที่มีชื่อว่าหมู่บ้านแม่แปบ ก่อนวันที่ทหารจะมายิงกันที่บ้านหนูนั้นเป็นวันที่หนูมีความสุขมาก  หนูเล่นกับแมวที่บ้านน้อง มันชื่อว่าเก้อ เป็นแมวของอาหนู ก่อนเข้านอนวันนั้น หนูรู้สึกแปลก ๆ ก็เลยไปนอนกับพ่อแม่  พอเช้ามาก็ยังปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น หนูก็เล่นกับลูกพี่ลูกน้องตามปกติ  พอถึง 14:00 น ก็มีเสียงปืนดังขึ้นมาใกล้ ๆ พ่อรีบตะโกนให้หนูไปบ้านญาติใกล้ ๆ ที่มีหลุมไว้หลบภัย  หนูกับลูกพี่ลูกน้องก็รีบไปหลบภัยกัน อีกแป๊บนึงพ่อกับแม่และป้าก็ตามมา  พอตกเย็นพวกทหารเขาก็ยิงปืนใหญ่กัน  มันดังและน่ากลัวมาก  ในหลุมหลบภัยนั้นมีญาติพี่น้องไม่ต่ำกว่า 10 คน  ทหารเขายิงกันทั้งคืน ชาวบ้านบ้างก็ไปหลบกันที่ป่า  คืนนั้นหนูไม่ได้นอนเลยเพราะกลัว ได้แต่หลับ ๆ ตื่น ๆ 

พอเช้า พ่อแม่พาหนูไปบ้านญาติที่จะหนีไปฝั่งไทย แต่แม่กับพ่อไม่ยอมไปที่ไทยกับหนูเพราะห่วงบ้าน  หนูเลยต้องไปคนเดียว  ตอนที่หนูข้ามที่สะพาน หนูไม่มีอะไรเลย มีแต่เสื้อผ้าที่เก็บได้บางส่วน กว่าหนูจะได้ข้ามที่ไปไทยก็นานพอสมควร  หนูได้ข้ามมาฝั่งไทยแล้วก็มีคนไปรับหนูไปอยู่บ้านญาติ   หนูอยู่บ้านญาติได้ประมาณ 2 ชั่วโมงพี่สาวก็มารับ  พอหนูถึงบ้าน หนูก็คิดถึงพ่อกับแม่มาก ๆ  หนูเป็นห่วงพ่อแม่ที่สุด  หนูอยากให้พ่อแม่มากับหนูด้วย  แต่พวกท่านก็ไม่ยอมมา  หนูเป็นห่วงมากกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่คือเรื่องจริงในชีวิตของหนู”

เด็กหญิงลีโอ

หมายเหตุ :

เพื่อนไร้พรมแดนได้รับบันทึกของเด็กหญิงไทยพลัดถิ่นวัย 12 ปีที่ส่งมาให้เผยแพร่ ปัจจุบันเธอเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถม 4 ในประเทศไทย  พ่อแม่ของเธอยังอยู่ที่บ้านแม่แปบ จังหวัดเมียวดี พื้นที่ใกล้จุดปะทะรุนแรง

แม่แปบ เป็นหมู่บ้านไทยพลัดถิ่นที่ตั้งรกรากมานานกว่า 150 ปี ภาษาพม่าเรียกที่นี่ว่าแมะปะและ  ชาวบ้านแม่แปบเป็นคนไทยเหนือ มีทั้งที่พูดคำเมืองสำเนียงเชียงใหม่ ลำปาง และน่านปะปนกัน ด้วยสถานะทางสังคมที่ไม่เสมอภาคและการต้องตกอยู่ท่ามกลางสงครามไม่สิ้นสุด ชาวไทยพลัดถิ่นส่วนหนึ่งจึงโยกย้ายมามาอยู่ฝั่งไทยและเดินเรื่องขอสถานะบุคคลตามกฎหมาย พ่อของเด็กหญิงลีโอก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้สัญชาติไทย แต่แม่และตัวเธอยังถือบัตรประจำตัวผู้ไม่มีสัญชาติไทยอยู่

เด็กหญิงเล่าให้ฟังว่า เมื่อได้ยินเสียงปืนนัดแรก เธอยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น “หนูนึกว่าพลุ” แต่แล้วมันก็กระหน่ำดังขึ้นไม่หยุดหย่อนและต่อด้วยเสียงปืนใหญ่ถึงกลางดึก 

“หนูกลับมาไทยแบบไม่มีอะไรติดตัวเลย” เธอบอก เด็กหญิงติดต่อกับพ่อแม่ได้อีกครั้งหนึ่งหลังจากข้ามมาประเทศไทยแล้ว แต่ทั้งพ่อและแม่ยืนยันว่าจะยังไม่หนีมาเพราะเป็นห่วงบ้าน จากนั้น ตั้งแต่เย็นวานจนถึงค่ำวันนี้ เธอยังไม่สามารถติดต่อพวกเขาได้อีกเลย ได้แต่คิดถึงและเป็นห่วงมาก เพราะพื้นที่แม่แปบนอกจากจะเสี่ยงภัยปืนใหญ่ที่มีกระสุนตกลงยังบ้านเรือนและยุ้งข้าวแล้ว ผู้คนยังต้องเสี่ยงต่อการถูกจับไปเป็นลูกหาบอีกด้วย

8 เมษายน 2566
ภาพประกอบ : บันทึกของเด็กหญิงและแผนที่บ้านแม่แปบ

Related