เปิดประตู

เปิดประตู

| | Share

เปิดประตู

แม้นอ ทูแอ้ชีพอ หญิงสาวอดีตผู้ลี้ภัยในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันตั้งถิ่นฐานใหม่อยู่ในออสเตรเลีย จะกล่าวถึงผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงในวันผู้ลี้ภัยโลก หากปัจจุบันเมื่อเส้นทางจากภายในรัฐกะเรนนีและจากชายแดนไทยสู่ค่ายผู้พลัดถิ่นในประเทศที่ริมขอบแดนถูกปิดกั้น ถ้อยแถลงของเธอจึงอาจครอบคลุมถึงสถานการณ์อันน่าเป็นห่วงของผู้พลัดถิ่นชาวกะเรนนีด้วย 

นอ ทูแอ้ชีพอ

อีกหนึ่งใน “เสียง” ที่ร่วมออกอากาศเป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง

ของวันผู้ลี้ภัยโลก 2564

“ที่น่าเป็นห่วงที่สุดสำหรับผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นในประเทศ ก็คือความปลอดภัย  ฉันยังจำได้ตอนที่เป็นผู้ลี้ภัย ฉันสามารถเข้าถึงน้ำสะอาด อาหาร สามารถไปโรงเรียน  และโชคดีที่สามารถนอนหลับได้อย่างเป็นสุขทุกคืน  ฉันนึกว่านั่นคือชีวิตของผู้ลี้ภัยทุกคน

แต่ความเป็นจริงในวันนี้ต่างออกไปมาก ประชาชนของฉันถูกกดดันให้ต้องหนีอพยพหลบหนีเนื่องจากถูกไล่ล่าโดยกองทัพพม่า พวกเขาหวาดกลัว ต้องคอยซ่อนตัวอยู่ในป่า บ่อยครั้งก็ต้องสูญเสียบุคคลที่รักไปในระหว่างทาง ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต เพราะเวลาหลบอยู่ในป่า ผู้พลัดถิ่นจะขาดน้ำสะอาดและอาหารที่มีคุณค่า นำไปสู่ความเจ็บป่วย เช่น ท้องร่วงและมาลาเรีย และอื่น ๆ อีกมาก

ที่น่าเจ็บปวดที่สุดก็คือ ขณะที่เด็ก ๆ อื่น ๆ มีความสุขสนุกสนาน  เด็ก ๆ ชาวกะเหรี่ยงเรากำลังถูกไล่ล่าโดยกองทัพพม่า  ทางเลือกของชาวบ้านก็คือหนีเข้าป่า หรือหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ข้ามชายแดนมาโดยไม่มีอะไรติดตัว ไม่มีเงินไปซื้อหาอาหารดี ๆ มาเลี้ยงครอบครัวได้  การที่วิถีทำกินต้องชะงักงันทำให้ชาวบ้านไม่มีรายได้มาซื้อปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพอยู่แล้ว และปัญหาใหญ่ยิ่งกว่านั้น ก็คือเมื่อประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศไทย ปฏิเสธที่จะต้อนรับพวกเขาแม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากสิ้นหวัง

ชาวกะเหรี่ยงมีสิทธิที่จะมีชีวิต  เรามีสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือในช่วงเวลาอันยากลำบาก แม้ทางการไทยจะไม่เห็นด้วยที่จะให้เราไปสร้างบ้านในประเทศของเขา อย่างน้อยก็ควรยอมรับให้เราเข้ามาสร้างกระท่อมชั่วคราว เพื่อให้เด็ก ๆ ของเราเข้าถึงปัจจัยดำรงชีพ และมีความปลอดภัยบ้าง  

เมื่อโลกปิดหูปิดตาไม่ยอมรับฟังเสียงร่ำร้องของเรา ฉันขอวิงวอน ให้ทางการไทยช่วยเปิดหัวใจ เห็นอกเห็นใจให้ที่พักพิงแก่ประชาชนของฉัน ผู้ซึ่งต้องตกอยู่ท่ามกลางสงครามที่น่าสยดสยองนี้ด้วยเถอะ”

Related