รัฐไทยจะต้องไม่ส่งกลับผู้ลี้ภัย แม้เครื่องบินจะเงียบเสียง

รัฐไทยจะต้องไม่ส่งกลับผู้ลี้ภัย แม้เครื่องบินจะเงียบเสียง

| | Share

รัฐไทยจะต้องไม่ส่งกลับผู้ลี้ภัย แม้เครื่องบินจะเงียบเสียง

ด้วยความที่ชาวบ้านอีตู่ท่าเคยถูกผลักดันกลับจากแผ่นดินไทยหลังจากมาหลบภัยได้เพียงข้ามคืน พวกเขาจึงลังเลใจที่จะขอข้ามแม่น้ำสาละวินมาอีกครั้ง 

การลี้ภัยมาและถูกไล่กลับ นอกจากจะทำให้รู้สึกว่าถูกดูหมิ่นเหยียดหยามแล้ว ยังทำให้ชีวิตของผู้คนยากลำบาก การเดินทางไปมาไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะปัญหาสำคัญที่ว่า พวกเขาแทบจะไม่เหลือน้ำมันสำหรับเรือที่จะวิ่งข้ามไปข้ามมาได้อีกแล้วในขณะนี้

แต่หลังจากได้พยายามกระจายตัวหลบซ่อนอยู่ในป่าลึกในรัฐกะเหรี่ยงบ้าง ตะเข็บชายแดนตอนเหนือ และใต้ชุมชนบ้าง การโจมตีอย่างหนักหน่วงตลอดวันรอบอีตู่ท่า ก็ทำให้พวกเขาไม่มีพื้นที่จะหนีอีกต่อไป และตัดสินใจข้ามมาประเทศไทยตั้งแต่คืนวานจนถึงเช้าวันนี้

เครื่องบินรบในวันที่ 27-28 เมษายน ต่างจากครั้งก่อนในช่วง 27 มีนาคม –  1 เมษายน เพราะในรอบแรกนั้น การโจมตีมุ่งไปที่หมู่บ้าน หากครั้งนี้ ระเบิดถูกทิ้งในหุบเขาและผืนป่ารอบหมู่บ้าน เนื่องจากกองทัพพม่ารู้ว่าประชาชนจะหลบซ่อนอยู่ในป่า นี่คือการพุ่งเป้าไปที่พลเรือนไร้อาวุธอย่างแท้จริง

การโจมตีอันหนักหน่วงดูเหมือนจะดำเนินต่อไป และมีชาวบ้านในชุมชนริมฝั่งน้ำสาละวินที่อาจจำเป็นต้องเข้ามาหลบภัยในประเทศไทยราวกว่า 7,000 คน  ขณะที่ล่าสุด มีการคาดประมาณจำนวนผู้พลัดถิ่นในมือตรอจังหวัดเดียวถึง 45,000 คน

ณ ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ไทยสั่งห้ามไม่ให้ผู้ลี้ภัยถ่ายรูป หรือส่งภาพให้กับสำนักข่าวใด ๆ  สิ่งที่ผู้ลี้ภัยหวาดกลัวมากที่สุด คือการที่ทหารไทยจะผลักดันพวกเขากลับภายใน 48 ชั่วโมง หรือทันทีที่เครื่องบินเงียบเสียงไปไม่กี่ชั่วโมงเหมือนครั้งก่อน เพื่อที่จะไม่ต้องโยกย้ายพวกเขาไปยังพื้นที่ที่เตรียมไว้ หรือยินยอมให้มหาดไทยกับหน่วยงานมนุษยธรรมเข้าถึงตามที่มีการแถลงข่าวไว้

เพื่อนไร้พรมแดน ขอเรียกร้องให้รัฐไทยไม่ปฏิเสธการลี้ภัย และไม่ส่งผู้ลี้ภัยกลับแม้เสียงระเบิดและปืนกลจะสงบไปชั่วคราว  การส่งกลับจะต้องเป็นการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และไม่อาจตัดสินได้จากการที่เครื่องบินรบหยุดบินไปเพียงครึ่งวันหรือหนึ่งวัน   

เราขอเรียกร้องให้หน่วยงานความมั่นคงเปิดทางให้ความช่วยเหลือจากภาคประชาสังคมไทยได้เข้าถึงผู้ลี้ภัยที่กำลังทุกข์ยากอยู่ในขณะนี้ และยินยอมถ่ายโอนความรับผิดชอบให้กับมหาดไทยและองค์กรมนุษยธรรมที่มีประสบการณ์

การปกปิดไม่ให้เราได้เห็นภาพผู้ลี้ภัยไม่ได้ทำให้พวกเขาหายไป ผู้ลี้ภัยอยู่ที่นี่ ในขณะนี้ ขอให้เราทั้งหลายช่วยกันส่งเสียงเพื่อให้รัฐเราทำในสิ่งที่ถูกต้องสักครั้ง

29 เมษายน 2564

ภาพประกอบ : ชุมชนอีตู่ท่า และผู้ลี้ภัยในฝั่งไทยก่อนถูกผลักกลับไปเมื่อต้นเดือนเมษายน ถ่ายโดย ชาวบ้านสาละวิน

หมายเหตุ

กรุณาแสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานการเคารพในเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และระมัดระวัง “ความผิดฐานหมิ่นประมาท” ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ประมวลกฎหมายอาญา ฯลฯ

Related