รัฐไทยจะต้องยืนยันว่าจะไม่สนับสนุนการก่ออาชญากรรมของกองทัพพม่า

รัฐไทยจะต้องยืนยันว่าจะไม่สนับสนุนการก่ออาชญากรรมของกองทัพพม่า

| | Share

รัฐไทยจะต้องยืนยันว่าจะไม่สนับสนุนการก่ออาชญากรรมของกองทัพพม่า

ณ เวลา 21.23 น. วันที่ 20 มีนาคม 2564 มีรายงานจากประชาชนท้องถิ่นว่า คนกลุ่มหนึ่งกำลังแบกข้าวสารที่กองไว้หน้าหน่วยงานความมั่นคง ไปเตรียมขึ้นเรือที่อยู่จอดริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน บ้านแม่สามแลบ อ. สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน

การขนส่งนี้กระทำในความมืดในช่วงแรก และเปิดสป็อตไลท์ให้แสงสว่างในเวลาต่อมา

สี่ชั่วโมงก่อนหน้า มติชนเผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของผบ.กกล.นเรศวรว่า “ไม่มีทหารไทยส่งเสบียงไปให้ทหารเมียนมา” โดยกล่าวว่า การส่งข้าวสารดังกล่าวอาจเป็นเรื่องซื้อขายโดยทั่วไป ซึ่งมิได้มีการปิดกั้นหากดำเนินการไม่ผิดกฎหมาย (มติชน 20/03/64 : 17.34 น.) ทั้งนี้ เพื่อแก้ข่าวที่มีการเผยแพร่ไปก่อนหน้าว่า หน่วยงานความมั่นคงไทยได้จัดส่งข้าวสารอย่างน้อย 700 กระสอบให้ฐานทัพพม่าริมแม่น้ำสาละวิน เนื่องจากทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNU ได้ปิดเส้นทางไม่ให้มีการลำเลียงเสบียงจากตอนในประเทศมายังฐานพม่าบริเวณใกล้ชายแดนไทยอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงก็คือ ทางการไทยได้เข้มงวดกับการปิดช่องทางข้ามแดนนับตั้งแต่อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ลงมาจนถึงอ.แม่สอด จ.ตาก ตามนโยบายป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว


ไม่มีการอนุญาตให้ข้ามพรมแดนมาติดต่อซื้อขาย การมารักษาพยาบาลฝั่งไทยทำได้เฉพาะกรณีฉุกเฉิน ทั้งคนและสิ่งของไม่ได้รับอนุญาตให้ข้ามแม่น้ำสาละวินระหว่างแม่สามแลบและฝั่งพม่า แม้กระทั่งการส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมไปให้ผู้พลัดถิ่นชาวกะเหรี่ยงในค่ายพักแอ้ดูท่าเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็ยังไม่ได้รับอนุญาต

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา สวท.แม่สะเรียงยังเผยแพร่ข่าวการ “ทำความเข้าใจ” ให้ผู้ลี้ภัยซึ่งรวมเด็ก หญิงและคนชรา 109 คน ต้องเดินทางกลับจากฝั่งไทยไปยังรัฐกะเหรี่ยง ที่ซึ่งพวกเขาจะตกอยู่ในความเสี่ยงภัยถึงแก่ชีวิต เนื่องจากพื้นที่หลบภัยเดิมอยู่ในระยะที่กระสุนปืนใหญ่จากฐานทัพพม่าจะยิงถึง


เพื่อนไร้พรมแดนเห็นว่า นโยบายป้องกันชายแดนอันเข้มงวดจนก่อให้เกิดวิกฤตทางมนุษยธรรมของไทย มีความขัดแย้งเป็นอย่างยิ่งกับการอนุญาตหรืออำนวยความสะดวกให้มีการขนส่งเสบียงอาหารให้แก่กองทัพพม่า

ซึ่ง เป็นที่ทราบกันดีในสากลโลกว่า ได้ก่ออาชญากรรมเข่นฆ่าประชาชน เด็ก และเยาวชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างเหี้ยมโหดจนกระทั่งมีผู้เสียชีวิตโดยตรงไปอย่างน้อยกว่า 200 คน อีกทั้งยังได้โจมตีทำลายหมู่บ้าน กระทำทารุณ และประหัตประหารประชาชนในพื้นที่รัฐกะเหรี่ยงใกล้ชายแดนไทยเพิ่มขึ้นมากในปี 2564 การดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างรัฐบาลไทยกับคณะรัฐประหารพม่าเป็นที่จับตามองของทั้งประชาชนไทย ประชาชนพม่า และสังคมโลกเราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างละเอียดโดยเร็ว และยืนยันโดยชัดเจนว่า ไทยจะไม่สนับสนุนปฏิบัติการก่ออาชญากรรมของกองทัพพม่าทุกช่องทาง

ไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบเสบียง หรืออำนวยความสะดวกของการขนส่งข้าวสารบรรจุกระสอบสีน้ำตาลจากจังหวัดเมียวดีขึ้นมาให้ฐานทัพพม่าที่อยู่ตรงข้ามสบเมย
21 มีนาคม 2564

หมายเหตุ : ภาพประกอบได้แก่ภาพข้าวสาร การวัดไข้กลุ่มชายที่คนท้องถิ่นเข้าใจว่าคือทหารพม่านอกเครื่องแบบซึ่งมีหน้าที่ขนข้าวสาร และภาพผู้ลี้ภัยกลุ่ม 109 คนที่ได้รับการเจรจาให้เดินทางกลับประเทศ

หมายเหตุกรุณาแสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานการเคารพในเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และระมัดระวัง “ความผิดฐานหมิ่นประมาท” ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ประมวลกฎหมายอาญา ฯลฯ

Related