นี่เป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าการคุยกันฉันท์ทหาร

นี่เป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าการคุยกันฉันท์ทหาร

| | Share

นี่เป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าการคุยกันฉันท์ทหาร

ระเบิดที่ลงบ้านเซ่บอโบเมื่อ 19.30 น. ที่ 1 ก.ค.2565 ห่างจากฝั่งไทยไปไม่กี่ก้าว และหมายความถึงการบินเฉียดฉิวชายแดนร่วมกับการโจมตีด้วยอาวุธทำลายล้าง

ดังนั้น ถ้าข้อเท็จจริงเป็นตามที่เผยแพร่ในเพจ “เรื่องเล่าอดีตนักบินรบ” ว่า “หากมีเครื่องที่ไม่มีแผนการบินเข้ามาในระยะ 100 NM (ไมล์) จากชายแดน จะมีการเตือนหน่วยบินขับไล่และสะกัดกั้นให้เตรียมพร้อม ถ้ายังมีทิศทางเข้ามาอีกที่ระยะ 50 NM จะสั่งให้เครื่องวิ่งไปสกัดกั้น” ก็จะหมายความว่า เครื่องบินรบพม่าดังกล่าวก็มี “แผนการบิน”  หรืออย่างไร จึงสามารถเข้ามาประชิดชายแดนได้เช่นนั้นโดยไม่มีการสะกัดกั้น หรือตักเตือน?? 

วันต่อมา 2 ก.ค. 2565 เวลาราวบ่ายสองโมง มีรายงานการโจมตีทางอากาศอีกครั้งบริเวณสะพานบนถนนระหว่างบ้านเซ่บอโบ – โซนเซเมียง ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปจากชายแดนเล็กน้อย 

ระเบิดที่ทิ้งลงมาทำให้มีผู้บาดเจ็บสาหัส 3 คน เป็นหญิง 1 และเด็กอีก 2 คน เหตุเกิดบนถนน พวกเขากำลังหนีหรืออย่างไรก็ไม่ทราบแน่ชัด

“เมื่อวานเช้า เจ้าหน้าที่มาบอกให้ญาติพี่น้องเราที่โกดังไม้สัก (มอเกอร์ไทย) กลับได้แล้ว แต่พอบ่ายระเบิดลงก็เลยไม่ได้กลับ ถึงยังไงเจ้าหน้าที่ก็บอกให้กลับวันต่อไปอยู่ดี  สถานการณ์เป็นแบบนี้ ไม่เห็นใจกันบ้างเลยหรือ”  หญิงสาวคนพบพระส่งเสียงร้องเรียนมา 

วันก่อน นักเรียนกลุ่มใหญ่ร่วม 40 คนจากบ้านอูหู่ทะถูกกดดันให้กลับไปเพราะทางการถือว่าจุดนั้น “ปลอดภัย” เมื่อเครื่องบินรบและการโจมตีหนักเคลื่อนย้ายขึ้นเหนือมาทางอูเกร้ทะและเซ่บอโบ

“แต่เครื่องบินมันบินจากอูเกร้ทะหรือเซ่บอโบถึงพวกเขาได้แค่ในลมหายใจเดียว” หญิงสาวชาวบ้านบอก “ไม่มีใครที่กลับไปได้กลับถึงบ้านอยู่แล้ว”

การมีกองทัพประเทศเพื่อนบ้านเป็นอาชญากรสงครามที่ใช้วิธีรบโดยทำลายชีวิตพลเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล สถานที่สำคัญทางศาสนา ฯลฯอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง เป็นเรื่องไม่ง่าย และคงไม่มีใครต้องการ

แต่ในฐานะประชาชนไทยคนหนึ่ง เราหวังว่าการแก้ปัญหา จะไม่ใช่การนับเพื่อน-นับญาติกับกองทัพซึ่งประพฤติเข้าข่ายอาชญากรสงคราม

ไม่ใช่การเอ่ยปากเห็นใจในความผิดพลาด โดยที่ทางกองทัพดังกล่าวนั้น ยังไม่เคยออกแถลงการณ์เป็นทางการเพื่ิขอโทษประชาชนไทย

ไม่ใช่การบอกให้กองทัพดังกล่าวไปทิ้งระเบิดเข่นฆ่าประชาชนตนให้ห่างไกลพ้นหูพ้นตาชายแดน

ประชาชนไทยไม่ได้ต้องการสงคราม แต่เราเชื่อว่า การสนับสนุนใด ๆ ต่อกองทัพประเทศเพื่อนบ้านที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายอาชญากรสงคราม ย่อมไม่สามารถนำสันติสุขมาสู่ประเทศไทย

นี่เป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าการสังสรรค์ชื่นมื่นระหว่างกองทัพสองกองทัพ นี่คือเรื่องความมั่นคงระดับภูมิภาค ซึ่งจำเป็นต้องเข้าสู่การเจรจาในเวทีนานาชาติ และท่าทีจุดยืนของรัฐบาลไทย (ซึ่งกองทัพและรัฐบาลไทยควรเป็นคนละหน่วยกัน) ก็สำคัญยิ่ง

3 กรกฎาคม 2565

ภาพประกอบ
– ภาพจากคลิปวิดีโอของนักเรียนขณะหนีภัยเข้ามาในประเทศไทย เมื่อสัปดาห์ก่อน 
– ภาพหมู่บ้านเซ่บอโบในภาวะปกติ
– ภาพจากเพจเรื่องเล่าอดีตนักบินรบ

Related