“ถ้าทหารพม่ายังอยู่ที่อูเกร้ทะ หมู่บ้านเราก็ไม่ใช่ของเรา”

“ถ้าทหารพม่ายังอยู่ที่อูเกร้ทะ หมู่บ้านเราก็ไม่ใช่ของเรา”

| | Share

“ถ้าทหารพม่ายังอยู่ที่อูเกร้ทะ หมู่บ้านเราก็ไม่ใช่ของเรา”

จากรายงานของทางการไทย ชาวบ้านจากรัฐกะเหรี่ยงกว่าแปดร้อยคนได้ข้ามมาหลบภัยสงครามที่บ้านมอเกอร์ไทยและวาเลย์เหนืออยู่ในขณะนี้

เมื่อ อบต.วาเลย์ ระดมความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมออกแจกจ่ายผู้คน การเดินทางเข้าออกเริ่มเปิดให้ผู้ต้องการขนส่งความช่วยเหลือเข้าถึง โดยมีการจดชื่อตรวจบัตรผู้นำส่งของอย่างเข้มงวด

“มีข่าวว่า การสู้รบอาจจะเบาลง เพราะทหารพม่ากลับมายึดฐานอูเกร้ทะคืนได้อีก ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ ๆ เขาเอากำลังคนมาจากไหน เพราะเส้นทางขนส่งพลก็ถูกปิดหมดแล้ว แต่เท่าที่เราได้ยิน เขาก็สูญเสียบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย” ชาวบ้านชายแดนอธิบาย

หากเครื่องบินหยุดบินและเสียงปืนใหญ่เงียบลง ชาวบ้านที่หนีมาอาจ “จำเป็นต้องสมัครใจกลับ” ไปในเร็ววัน 

อย่างไรก็ดี พวกเขาจะไม่ได้กลับบ้าน เพราะคนอูเกร้ทะไม่ได้เพิ่งหนีสงครามมาเมื่อวันสองวันนี้  

“แต่ก่อนฐานอูเกร้ทะที่อยู่ติดบ้านของเรามีทหารพม่าอยู่ไม่กี่คน พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเท่าไหร่  แต่พอมิน ออง หล่ายยึดอำนาจ ทหารพม่าก็มาเพิ่ม พอมีการสู้รบที่เลเก้ก่อ พวกเขาก็ไม่อยู่ที่ฐานตัวเอง แต่จะเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเรา เขารู้ว่าถ้าอยู่กับชาวบ้าน ทหารกะเหรี่ยงจะไม่กล้ายิง  แต่พอเขามาอยู่ในบ้านของเรา เราก็ต้องทิ้งบ้านของเราไปหาที่อยู่ที่อื่น” 

แต่ก่อนสงคราม คนอูเกร้ทะก็เหมือนกับชาวบ้านจากชุมชนชายแดนริมเมยทั้งหลาย ที่ล้วนเคยข้ามไปมาเพื่อทำงานรับจ้าง ซื้อขายของ รวมถึงผลิตผลการเกษตร  แต่เมื่อเสียงปืนดังขึ้นทั่วรัฐกะเหรี่ยง พวกเขาก็ต้องรับรู้ว่า การข้ามห้วยวาเลย์ไม่ว่าจะเพื่อมาหลบภัย ทำงาน ซื้อของใช้จำเป็น ฯลฯ ก็เป็นไปไม่ได้ง่ายแล้ว

“บางคนเดินไปอีกไกล เพื่อให้ถึงจุดที่เขาไม่เข้มงวดมากนัก แล้วก็อยู่ทำไร่ในฝั่งกะเหรี่ยง หาของกินในฝั่งกะเหรี่ยง แต่บางทีก็มารับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ และไปซื้อหาของจำเป็นในหมู่บ้านฝั่งไทย เหมือนที่เคยทำมาตามปกติ และถ้าช่วงไหนเสียงปืนใหญ่หรือเครื่องบินมา ก็คิดว่าจะวิ่งมาขอนอนอยู่ริมน้ำฝั่งไทยได้ เราแค่พยายามใช้ชีวิตตามปกติ”

ถ้าเครื่องบินหยุดบิน ปืนใหญ่หยุดยิง ชาวบ้านที่จำต้องสมัครใจกลับก็คงจะกระจัดกระจายเพื่อหาหนทางใช้ชีวิตให้เป็นปกติให้ได้มากที่สุด ซึ่งไม่ใช่การกลับเข้าไปอยู่บ้าน

“ถึงเครื่องบินจะหยุด เราก็ไม่รู้มันจะหยุดกี่วัน เขาหยุดยิงปืนใหญ่ หยุดไปเดี๋ยวก็ยิงอีก ถ้าทหารพม่ายังอยู่ที่อูเกร้ทะ ยังใช้หมู่บ้านเราเป็นที่อยู่และเป็นสนามรบ หมู่บ้านเราก็ไม่ใช่ของเรา เราจะกลับไปได้ก็ต่อเมื่อเขาไม่อยู่แล้วเท่านั้น”

1 มิถุนายน 2565

วิดีโอประกอบ : การหลบหนีภัยของเด็กนักเรียนที่ไปทำงานใกล้กับอูเกร้ทะ และหนีภัยข้ามมาฝั่งไทย ก่อนจะพยายามหาทางกลับไปที่โรงเรียนในรัฐกะเหรี่ยงได้เรียบร้อยแล้ว

Related