การเข่นฆ่าที่เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน

การเข่นฆ่าที่เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน

| | Share

การเข่นฆ่าที่เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน
Stop Killing Our Friends

6 ธันวาคม ระเบิดถูกปล่อยจากเครื่องบินลงบนริมน้ำสาละวินหลายจุด และเช้าตรู่ตีสี่วันนี้ ขณะฟ้ายังมืดสนิท ระเบิดก็ถูกทิ้งจากเครื่องบินลงบนไร่ของชุมชนบ้านพอท่า ตำบลบืออาเดอ อำเภอบูโธ จังหวัดมื่อตรอ 

เนิ่นนานมาแล้วที่ชาวบ้านไม่กล้านอนบ้าน ได้แต่หลบอยู่ตามไร่นาหรือริมน้ำ แต่เมื่อคืน ระเบิดก็ตามไปถึงไร่ ตกลงหวุดหวิดจวนเจียนใกล้พื้นที่ซ่อนตัว โชคดีที่ไม่มีมนุษย์บาดเจ็บล้มตาย หากสะเก็ดระเบิดตกลงถูกควายของพวกเขา

บางเสียงกล่าวว่า นี่คือการตอบโต้การที่กองทัพของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) เข้ายึดฐานทหารพม่าบนริมน้ำสาละวินได้ 3 แห่งเมื่อวานนี้  รายงานข่าวมักพาให้เราเห็นว่า ทุกครั้งที่กองทัพของชนชาติพันธุ์มีชัยหรือสามารถยึดคือพื้นที่ได้ กองทัพพม่าก็จะตอบโต้ด้วยการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินทุกครั้ง  

แล้วถ้าเช่นนี้ หากกองกำลัง KNU ไม่ต่อสู้ ก็จะไม่มีสงครามและชาวบ้านจะสามารถอยู่ได้อย่างสงบสุขอย่างนั้นหรือ

“ไม่ว่าจะมีปฏิบัติการทางทหารของ KNU หรือไม่ ไม่ว่าทหารพม่าจะแพ้หรือไม่ ระเบิดก็ตกลงมาใส่บ้านของพวกเราทุกวันอยู่แล้ว” หญิงสาวซึ่งบ้านเดิมอยู่ห่างไปจากจุดที่ระเบิดลงเมื่อเช้าตรู่กล่าว “การขับไล่ทหารพม่าออกไปเป็นเรื่องจำเป็น เพราะพวกเขายิงปืนใหญ่ใส่พวกเราอยู่ทุกวันทุกคืน ตราบใดที่พวกเขายังอยู่ ชาวบ้านก็อยู่ด้วยความหวาดกลัว”

“ชาวบ้านได้ยินเสียงปืนใหญ่จนชิน เหมือนเขาได้ยินเสียงนกเสียงไม้” ชายหนุ่มจากฝั่งไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในมื่อตรอเล่า “พวกเขาอยู่เหมือนกับปืนใหญ่และระเบิดเป็นเรื่องปกติ จะว่าไม่กลัวก็ไม่ใช่ แต่พวกเขาไม่อยากจะไปคิดถึงมันตลอดเวลา”

“”ชาวบ้านเบื่อที่จะหนีแล้ว พวกเขาหนี หนี หนี จนไม่ได้ใช้ชีวิต” เกอะญอพอ เลขาธิการองค์การสตรีชาวกะเหรี่ยงกล่าว “บางคนก็ตัดสินใจกลับมาทำไร่ทำนาเหมือนเดิม  ไม่ใช่เพราะมันปลอดภัย ไม่ใช่เพราะเขาไม่กลัว แต่เพราะว่า เขาหนีต่อไปไม่ไหวแล้ว ลองคิดถึงชีวิตแบบที่คุณชินชากับระเบิดและปืนใหญ่สิ ชินจนคุณไม่สะดุ้งสะเทือนเมื่อได้ยินเสียงมัน” 

ทุกวันนี้ ชาวบ้านมื่อตรอดำเนินชีวิต่ไปแต่ละวันโดยหลีกเลี่ยงอาคารสาธารณะเช่นโรงพยาบาลและโรงเรียน ทุกบ้านและทุกโรงเรียนต้องขุดบังเกอร์ไว้หลบกระสุนปืนใหญ่และระเบิด เด็ก ๆ บ้างก็เรียนในป่า บ้านมีก็ไม่ได้นอน กลางคืนต้องมืดสนิทไร้กองไฟและไฟฉาย เพราะโดรนสอดแนมบินมาจับภาพของพวกเขาอยู่ทุกวัน

“ชุมชนที่ระเบิดลงเมื่อเช้า ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการยึดฐานทหารพม่าเมื่อวาน มันไม่ได้อยู่ใกล้กันเลย ในบางพื้นที่ที่ยังไม่มีการสู้รบกับการทิ้งระเบิด มันก็ไม่ใช่แค่เพราะทหารกะเหรี่ยงตรงนั้นไม่ได้ลุกขึ้นสู้ แต่เป็นเพราะมันคือพื้นที่ที่มีธุรกิจของ SAC อยู่ต่างหาก ระเบิดและปืนใหญ่จะไม่ลงตรงนั้นให้เสียหาย พวกเขาต้องปกป้องธุรกิจของพวกเขา” เกอะญอพออธิบาย “แต่โดรนสอดแนมก็บินอยู่ทุกวัน ชาวบ้านเองก็รู้ดีว่า นั่นคือสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า ไม่มีใครรับประกันได้ว่าชุมชนจะไม่ถูกโจมตีเข้าสักวันหนึ่ง” 

“ถ้าคุณจะมองว่า ชาวบ้านต้องหนีเพราะทหารกะเหรี่ยงลุกขึ้นสู้ หรือเพราะทหารกะเหรี่ยงลุกขึ้นสู้ กองทัพพม่าก็เลยต้องตอบโต้  คำถามก็คือ แล้วการตอบโต้นี้ทำไมถึงเป็นการโจมตีโดยพุ่งเป้าที่พลเรือน ?” 

ทำไมการตอบโต้โดยพุ่งเป้าไปที่พลเรือน จึงต้องเกิดขึ้นทุกวันแม้ในวันที่ไม่มีปฏิบัติการทางทหาร

7 ธันวาคม 2565
ภาพประกอบ หลุมหลบภัย ผู้หนีภัย และควายที่ได้รับบาดเจ็บ โดย ชาวบ้านสาละวิน

Related